|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เทรนด์การแข่งขันตลาดลดน้ำหนักและสัดส่วนปีหน้าไม่หวือหวา คาดโต 20% เหตุมีผู้เล่นน้อยที่โหมทำตลาด ส่วนใหญ่เน้นด้านนวัตกรรมและบริการเรียกลูกค้า “มารีฟรานซ์”งัดกลยุทธ์แม่เหล็ก ชูพรีเซนเตอร์ลดน้ำหนัก บวกเรียลลิตี้โชว์ 2-3 รายการ หวังรักษาเก้าอี้แชมป์พร้อมยอดรายได้ขยับขึ้นอีก 25%เท่าปีนี้
นางสาวศศิวีณ์ ซื่อตรง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท มารีฟรานซ์ บอดี้ไลน์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้บริหารสถาบันลดน้ำหนักและสัดส่วน ภายใต้แบรนด์ “มารีฟรานซ์ บอดี้ไลน์” เปิดเผยว่า กระแสการลดน้ำหนักและสัดส่วนในกลุ่มประเทศเอเชียยังมีสูง โดยแต่ละประเทศมีการแข่งขันของตลาดที่แตกต่างกันไป เช่น ประเทศจีน ซึ่งเพิ่งเริ่มมีการตื่นตัวในตลาดลดน้ำหนัก ดังนั้นการแข่งขันจึงเน้นทางด้านราคา
ส่วนสิงค์โปร์เป็นประเทศที่มีการทำตลาดด้านนี้มานานแล้ว อีกทั้งยังเป็นประเทศเล็กๆ ตลาดนี้จึงครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้เกือบหมด การทำตลาดจึงมุ่งเน้นด้านนวัตกรรมใหม่ และเรื่องของอาหารเสริม สำหรับเกาหลีเป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่เน้นเรื่องของนวัตกรรมเช่นเดียวกัน ส่วนฮ่องกงจะคล้ายกับจีน คือมุ่งเน้นการแข่งขันด้านราคาเป็นหลัก
สำหรับประเทศไทยหลังจากที่ตลาดนี้เริ่มมีการแข่งขันมาระยะหนึ่ง ดังนั้นการแข่งขันในปีหน้า เชื่อว่าส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องของนวัตกรรม การบริการ และกิจกรรมต่างๆ เช่นเดียวกับในปีนี้ ซึ่งโดยรวมของตลาดแล้ว คาดว่าการแข่งขันจะไม่รุนแรง เนื่องจากมีผู้เล่นในตลาดเพียง 2-3 รายเท่านั้นที่มีการทำตลาดอย่างจริงจัง หรือทั้งปี 2551 คาดว่าตลาดการลดน้ำหนักและสัดส่วนจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 20% เท่าปีนี้ จากมูลค่าตลาดรวมที่ 2,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ในส่วนของมารีฟรานซ์ เชื่อมั่นว่าปีหน้าจะยังคงเป็นรักษาความเป็นผู้นำของตลาดไว้ได้ ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 60% หรือมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 25% เช่นเดียวกันการเติบโตของปีนี้ที่วางไว้ ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นนี้ มาจากกลยุทธ์การทำตลาดในเตรียมไว้ปีหน้า ภายใต้งบการตลาดกว่า 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 นี้ถึง 200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการขยายสาขา อีกอย่างน้อย 5 สาขาในปีหน้า เป็นกรุงเทพฯ 3 สาขา และต่างจังหวัด 2 สาขา ภายใต้งบลงทุนรวม 150 ล้านบาท เฉลี่ยสาขาละ 30 ล้านบาท จากเดิมที่มีอยู่ 17 สาขาในปัจจุบัน
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดในปีหน้าที่เตรียมไว้ ได้แก่ กลยุทธ์พรีเซนเตอร์ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์หลักในการทำตลาดที่ได้ผลของมารีฟรานซ์ ล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ จะมีการเปิดตัว 2 พรีเซนเตอร์ ที่จะมาเข้าคอสลดน้ำหนัก 2 ราย คือ อาภาพร นครสวรรค์ และพาเมล่า เบาเด้นท์ 2 นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเกี่ยวกับการทำเรียลลิตี้โชว์ ของการแข่งขันลดน้ำหนัก ร่วมกับทรูวิชั่นส์ ประมาณ 2-3 รายการในปีหน้าด้วย ภายใต้งบประมาณการจัดงานที่ 40 ล้านบาทต่อ 1 รายการ คาดว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้ประมาณ 20-30% จากปัจจุบันที่มีลูกค้าประมาณ 2 แสนราย หรือในภาพรวม เชื่อว่าปีหน้าจะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 1แสนราย
เมนส์ แคร์ ผุดอีก 2 สาขา ปีหน้า
อย่างไรก็ตามปีหน้า แบรนด์ เมนส์ แคร์ (Men’s Care) ซึ่งเป็นแบรนด์ในเครือ โกลบอลบิวตี้ เช่นเดียวกับมารีฟรานซ์ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ที่เพิ่งเปิดให้บริการสาขาแรกในเมืองไทยที่เอ็มโพเลี่ยม มาได้ 2-3 เดือน พบว่ามีลูกค้าผู้ชายเข้ามาใช้บริการแล้วประมาณ 500 ราย สิ้นปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ ประมาณ15% เทียบกับรายได้รวมมารีฟรานซ์ในสิ้นปีนี้
โดยในปีหน้าบริษัทฯมีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขา ย่านสาธร และปิ่นเกล้า คาดว่าจะต้องใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า30ล้านบาทต่อสาขา เชื่อว่าจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 20% เทียบกับรายได้ของมารีฟรานซ์ทั้งปี
อนึ่งเครือ โกลบอลบิวตี้ ถือเป็นแบรนด์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ที่เปิดให้บริการหลายประเทศทั่วโลก โดยมีแบรนด์ต่างๆในเครือกว่า 5 แบรนด์ ซึ่งในประเทศไทย ขณะนี้มีเปิดให้บริการแล้ว 3 แบรนด์ คือ มารีฟรานซ์ บอดี้ไลน์, เมนส์ แคร์ และ ฮาร์วาร์ด-สเวนสัน ที่ดูแลด้านเส้นผมและหนังศรีษะ
|
|
|
|
|