|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
กระแสการเข้าเทคโอเวอร์โรงแรมระดับ 2-3 ดาวในประเทศไทยของกลุ่มทุนต่างชาติที่ผ่านมาเริ่มร้อนแรงขึ้นเพราะนั่นคือแผนกลยุทธ์ที่ถูกวางไว้สำหรับเข้ามาเพื่ออัฟเกรดให้มีมาตรฐานเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว พร้อมเร่งขยายอาณาจักรหวังสร้างแบรนด์ เตรียมกวาดนักท่องเที่ยวในแหล่งยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวช่วงฤดูกาลไฮซีซัน
ภูเก็ตและหัวหิน กลายเป็นโลเคชั่นที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถสร้างเม็ดเงินได้เป็นกอบเป็นกำ เนื่องจากนักท่องเที่ยวจะอยู่ในระดับไฮเอนท์มีกำลังการซื้อสูง ล่าสุดกลุ่มทุนอเมริกันยอมทุ่มเม็ดเงินหลายพันล้านบาทเพื่อกวาดซื้อโรงแรมไทยลอตใหญ่ทั้งในแถบชายฝั่งของภูเก็ตและหัวหิน
สอดคล้องกับที่แบรนด์ดังอย่างแมริออทของถิ่นมะกันที่ส่ง “คอร์ยาร์ด” เข้ามาชิมรางเมื่อหลายเดือนก่อน โดยล่าสุด 4 รีสอร์ทหรูแถบชายหาด ทั้งภูเก็ตและหัวหินอย่าง แกรนด์ ทรอปิคานา ป่าตอง – สุรินทร์ บีช –กมลา บีชการ์เด้นท์ ภูเก็ต และทิพย์วิมาน ชะอำ ได้ถูกเทคโอเวอร์และปรับปรุงยกระดับอัฟเกรดมาตรฐานให้อยู่ในระดับ 4 ดาวโดยใช้ชื่อ"คอร์ทยาร์ด บาย แมริออท"บริหารจัดการไปเรียบร้อย
ว่ากันว่าแหล่งเงินทุนของกลุ่มต่างชาติ ส่วนใหญ่จะมาจากสถาบันการเงินในต่างประเทศที่มีศักยภาพสูงทางด้านการเงินและถูกใช้ประโยชน์ในเรื่องของอำนาจการต่อรองกับกลุ่มโรงแรมที่ต้องการจะขาย อาทิเชนแมริออท มีบริษัท เลห์แมน บราเธอร์ส (Lehman Brothers) เป็นที่ปรึกษาการลงทุนและเป็นสถาบันการเงินหลักให้ ซึ่งรูปแบบการลงทุนของบริษัทที่ผ่านมา จะเป็นการเข้ามาเทคโอเวอร์โรงแรมขนาด 2-3 ดาวในประเทศไทย ก่อนทำการปรับปรุงใหม่ เพื่อยกระดับเป็นโรงแรมระดับ 4-5 ดาว หลังจากนั้นจะให้เชนต่างประเทศเข้ามาบริหารเพื่อขายกิจการต่อไป
ที่ผ่านมาเชนแมริออทมีการเข้าไปเทคโอเวอร์โรงแรมแล้วจำนวน 4 แห่ง อาทิ โรงแรมฮิลตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา จ.ประจวบคีรีขันธ์, โรงแรมรามาดา รีสอร์ท กะรน บีช จ.ภูเก็ต โรงแรมอลีลา ภูเก็ต รีสอร์ท (Alila Phuket Resort) จ. ภูเก็ต
สอดคล้องกับที่ มร.แอนโทนี อาร์มัส ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดประจำประเทศไทย เครือโรงแรมแมริออทอินเตอร์เนชั่นแนล ว่า มีแผนเพิ่มจำนวนโรงแรมในแบรนด์คอร์ทยาร์ด อีก 4 แห่ง คือภูเก็ต 3 แห่ง ด้วยจำนวนห้อง 170-400 ห้อง และที่ อ.ชะอำ เพชรบุรี จำนวน 200ห้อง คาดว่าจะเปิดทำการได้ในช่วงไตรมาส 3/51 โดยกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นนักท่องเที่ยว 70% และลูกค้าประชุมสัมมนา 30% ล่าสุดเปิดให้บริการแบรนด์ใหม่ โรงแรมคอร์ทยาร์ด โดยแมริออท กรุงเทพฯ ย่าน ถ.ราชดำริ เน้นกลุ่มสัมมนา 70% และกลุ่มนักท่องเที่ยว 30% คาดจะมีอัตราการเข้าพัก 70%
นอกจากนั้นยังมีการพัฒนาโครงการ "ดับเบิ้ลทรี บาย ฮิลตัน กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์ สปา" จ.ชลบุรี ที่มีห้องพักทั้งหมด 358 ห้องพร้อมสนามกอล์ฟระดับเวิลด์คลาส ซึ่งคาดว่าจะสามารถให้บริการได้ภายในปี 2008 และมีการวางเป้าหมายโครงการให้เป็นกอล์ฟ รีสอร์ท ที่ดีที่สุดในประเทศไทย ซึ่งโครงการดังกล่าวมีแนวโน้มว่าจะถูกบริหารจัดการโดยบริษัท ฮิลตัน อินเตอร์เนชั่นแนล
แม้ว่าการเข้าเทคโอเวอร์กิจการโรงแรมและรีสอร์ทในจังหวัดท่องเที่ยวทางภาคใต้ของกลุ่มทุนต่างชาติจะสร้างความคึกคักให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่...แต่ที่ผ่านมากลับส่งผลกระทบต่อบริษัทท่องเที่ยวที่รับลูกทัวร์ไว้ก่อนหน้านั้น เพราะหลังจากที่ปิดปรับปรุงเพื่ออัฟเกรดให้เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นมาบริษัทนำเที่ยวหลายแห่งที่ต้องส่งลูกค้าไปยังโรงแรมรีสอร์ทนั้นๆต้องเปลี่ยนสถานที่พักกะทันหันซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ประกอบการนำเที่ยว
ผู้เชี่ยวชาญด้านท่องเที่ยวหลายคนระบุว่าการที่มีเงินลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมและรีสอร์ทในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากสภาพคล่องทั่วโลกที่มีอยู่สูง จนต้องหาที่ลงทุน และเงินส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มทุนตะวันออกกลางที่เป็นการลงทุนแบบไพรเวท อิควิตี้(Private Equity) หรือการลงทุนในกิจการที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งลักษณะการลงทุนจะจ้างมืออาชีพด้านการลงทุนบริหารเงินให้
ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มทุนจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป และสิงคโปร์ เข้ามาลงทุนในธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท แต่อาจจะเป็นเพียงผู้บริหารเงินลงทุนเท่านั้น เจ้าของเงินตัวจริงอาจจะไม่ใช่ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าการลงทุนในลักษณะไพรเวท อิควิตี้ ถือเป็นแนวโน้มใหม่ของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในไทย ซึ่งนักลงทุนลักษณะนี้มี 2 ประเภท คือ บางส่วนก็พัฒนาทรัพย์สินที่ลงทุน และบางส่วนก็ไม่พัฒนา แต่นักลงทุนทั้งสองกลุ่มมีเป้าหมายเหมือนกัน คือ เมื่อลงทุนสักระยะหนึ่ง และเห็นว่าได้ผลตอบแทนตามเป้าหมายก็จะขายทรัพย์สินเพื่อทำกำไรหอบเงินกลับประเทศตัวเอง
ขณะเดียวกันลักษณะการลงทุนดังกล่าวมักเกิดขึ้นให้เห็นในแถบประเทศที่พัฒนาแล้ว สำหรับประเทศไทยนับว่าเป็นเรื่องดีเพราะนอกจากจะสร้างแรงกระตุ้นให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ดูมีสีสันมากขึ้นแล้วยังทำให้ประเทศไทยมีสถานที่พักโรงแรมรีสอร์ทที่ได้มาตรฐานเพิ่มขึ้นสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างพอเพียง
เนื่องจากประเทศไทยยังขาดแคลนโรงแรมระดับ 5 ดาวที่จะรองรับการเข้าพักของทั้งนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงแรมระดับ 5 ดาวในเขตซีบีดีหรือย่านใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ เนื่องจากที่ดินค่อนข้างหายาก แต่ความต้องการลงทุนยังมีอยู่ ส่งผลให้ราคาที่ดินถีบตัวสูงมาก
ขณะที่ต่างชาติมีความต้องการที่จะเข้ามาลงทุนในธุรกิจโรงแรมระดับ 5 ดาว เพราะใช้ระยะเวลาในการคืนทุนเพียง 5-10 ปี ซึ่งกลุ่มทุนกำลังมาแรงคือกลุ่มทุนจากดูไบ โดยการลงทุนจะเป็นแบบครบวงจรมากขึ้นขึ้น คือมีทั้งโรงแรม คอนโดมิเนียม และศูนย์การค้าภายในโครงการเดียวกันเรียกได้ว่าเป็นการลงทุนแบบมืออาชีพ นอกจากนั้นยังมีกลุ่มทุนจากประเทศ อังกฤษ อินเดีย ที่ชอบลงทุนในธุรกิจโรงแรม 5 ดาวขนาดเล็กพื้นที่ 1-2 ไร่ แนวบูทีคโฮเท็ล ก็เริ่มที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเช่นกัน
ล่าสุดย่านธุรกิจราชดำริกลายเป็นจุดขายที่กลุ่มแมริออทสนใจ และก็สามารถร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด ได้สำเร็จโดยกลุ่มเอราวัณฯเป็นผู้ลงทุนสร้างใช้งบประมาณกว่าพันล้านบาท ส่วนการบริหารจัดการใช้เชน “แมริออท”ภายใต้ชื่อโรงแรมคอร์ทยาร์ด โดย แมริออท กรุงเทพ
ลักษณะเป็นการปรับปรุงเซอร์วิสอพาธเม้นท์ "พาร์คเลน แมนชั่น" มาเป็นโรงแรมคอร์ทยาร์ด ซึ่งถือเป็นโรงแรมในเครือแมริออทแห่งแรกที่ใช้ชื่อ "คอร์ทยาร์ด" ในประเทศไทยและเป็นโรงแรมแห่งที่ 4 ระดับ 4 ดาว โดยกลุ่มเป้าหมายนั้นจะเป็นโรงแรมสำหรับนักธุรกิจที่มองหาที่พักระยะยาว ตั้งอยู่ในซอยมหาดเล็กหลวง มีห้องพักทั้งหมด 318 ห้อง ภายในโครงการมีห้องประชุมสัมมนาจำนวน 5 ห้อง ห้องอาหาร สปอร์ตคอมเพล็กซ์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
ปัจจุบันโรงแรมในกรุงเทพเปิดใหม่ขึ้นมาจำนวนมาก ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมมีการแข่งขันสูงมาก โดยเฉพาะในย่านสุขุมวิทและราชดำริมีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการพำนักระยะยาว แต่ในส่วนของคอร์ทยาร์ดนั้นค่อนข้างได้เปรียบมากกว่า เพราะเป็นโรงแรมที่มีมาตรฐานและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
|
|
 |
|
|