Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน17 ธันวาคม 2550
ปี51ปัจจัยลบอื้อ กำลังซื้อบ้านลด             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์

   
search resources

Real Estate
ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์, บมจ.
วสันต์ เคียงศิริ




“ธารารมณ์” ชี้ปีหน้าปัจจัยลบเพียบฉุดกำลังซื้อลดบ้านลด ระบุความเชื่อมั่นผู้บริโภคเปราะบางแถมผันผวน แนะผู้ประกอบการทำตลาดให้ทัน เชื่อปีหน้าบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์กลับมา ขณะที่ตลาดคอนโดฯมีแนวโน้มลดลงเหตุตลาดดูดซับไปมากแล้ว ด้านผลการดำเนินงานลด 10% สร้างยอดขายได้ 1,300 ล้านบาท ปีหน้าเชื่อตลาดบ้านเดี่ยวกลับคืน ตั้งเป้ายอดขาย 1,500 ล้านบาท

นายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2551 ว่า ตราบใดที่ยังมีการขยายตัวของครัวเรือน โดยในเขตกรุงเทพฯ มีการขยายตัวของประชากรอย่างถูกต้องปีละ 6 ล้านคน และหากรวมประชากรที่เข้ามาอยู่อาศัยแฝงเป็น 10 ล้านคน ทำให้ยังเชื่อว่ามีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องอยู่นั้นเอง แต่ความต้องการดังกล่าวอาจมีการชะลอตัวไปบ้างเนื่องจากขาดความเชื่อมั่นในหลายๆด้าน หรือมีการย้ายไปตลาดอื่น

ทั้งนี้ผู้ที่ซื้อบ้านใหม่หากเป็นคนรุนใหม่ คนโสด ทำงานในเมืองอาจมีความต้องการคอนโดมิเนียมในเมือง เพราะใกล้แหล่งงาน การเดินทางสะดวก โดยส่วนใหญ่กลุ่มคนเหล่านี้อาศัยอยู่คนเดียวทำให้คอนโดมิเนียมขนาด 1 ห้องนอนหรือห้องสตูดิโอได้รับความนิยมมาก ส่วนคนที่มีครอบครัวแล้วจะหันไปซื้อบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ย่านชานเมือง ซึ่งปัจจุบันถนนวงแหวนใต้เปิดให้บริการแล้ว ทำให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น เป็นการเปิดหน้าดินหรือเปิดทำเลใหม่ขึ้น

“ในปีหน้าเชื่อว่าความต้องการคอนโดฯ น่าจะลดลงมา เนื่องจากตลาดได้ถูกดูดซับไปมากพอสมควรแล้ว โดยบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์น่าจะดีขึ้น เพราะเมื่อดูจากสถิติยอดขายในช่วง 5 เดือนหลังมานี้เรามียอดขายที่ดีกว่าช่วง 7 เดือนแรกมาก สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการเริ่มกลับเข้าสู่ตลาด เชื่อว่าในปีหน้าบ้านเดี่ยวจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 15-20% เมื่อเทียบกับปี 49” นายวสันต์กล่าว

สำหรับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในปัจจุบันค่อนข้างเปราะบางมาก พิจารณาได้จากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านเมื่อเกิดเหตุไม่ดีผู้บริโภคจะชะลอการตัดสินใจซื้อทันที อีกทั้งยังมีความผันผวนตามภาวการณ์ต่างๆ ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องมองให้ออกว่าในแต่ละช่วงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเป็นอย่างไรและทำตลาดให้ทัน เพราะในปัจจุบันการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคไม่ได้ขึ้นอยู่กับฤดูกาลเหมือนเช่นในอดีตอีกต่อไป แต่จะมาจากความเชื่อมั่น ซึ่งเรื่องการเมืองก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อความเชื่อมั่น และคนส่วนใหญ่คาดหวังว่ารัฐบาลภายหลังการเลือกตั้งน่าจะมีอะไรออกมากระตุ้นเศรษฐกิจให้เศรษฐกิจให้ดีขึ้น

ในส่วนของกำลังซื้อ ยังทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมหรือ GDP อยู่ที่ระดับ 4% _+ ดอกเบี้ยมีโอกาสปรับขึ้นมากกว่าลง รวมไปถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นเหล่านี้ล้วนส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ประกอบกับสถาบันการเงินยังอนุมัติวงเงินให้กู้น้อยลงอีกด้วย ส่งผลให้บ้านระดับกลาง-ล่างยังเป็นที่นิยมเช่นเดิม

ด้านซัปพราย บ้านสร้างเสร็จในปัจจุบันน้อยลงผู้ประกอบการหันไปพัฒนาบ้านสั่งสร้างมากขึ้น นอกจากนี้ยังเน้นการขยายเฟสมากกว่าการเปิดโครงการใหม่ โดยในส่วนของธารารมณ์จะเริ่มเปลี่ยนแผนการพัฒนาใหม่โดยจะหันไปเน้นบ้านสั่งสร้างมากขึ้น จากก่อนหน้านี้จะมีสัดส่วนบ้านสร้างเสร็จและบ้านสั่งสร้างอยู่ที่ 70:30 ในปีหน้าจะปรับมาเป็น 30:70

“กฎหมายเอสโครว์แอคเคานท์ที่จะออกมาบังคับใช้จะทำให้ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการเกิดความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นว่าคนซื้อแล้วจะได้บ้าน หรือขายบ้านแล้วได้โอนแน่นอน ซึ่งตรงนี้จะทำให้ผู้ประกอบการหันไปทำบ้านสั่งสร้างมากยิ่งขึ้น ทำให้ลดความเสี่ยงในการมีบ้านค้างสะต๊อก อีกทั้งยังทำให้ผู้ประกอบการรายกลางรายย่อยได้รับประโยชน์และอยู่ในเวทีนี้ได้อีกต่อไป เพราะที่ผ่านมาผู้ประกอบการเหล่านี้ต้องสร้างบ้านเสร็จก่อนขายทำให้ต้องใช้เงินทุนมาก แต่จะต้องหาช่องว่างของตลาดให้ได้อย่าไปแข่งขันกับรายใหญ่โดยตรง” นายวสันต์กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ คาดว่าทั้งปีจะมียอดขายอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 10% ซึ่งในภาวะเช่นนี้ถือว่ามีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ เพราะหากเทียบกับตัวเลขบ้านใหม่จดทะเบียนในช่วง 9 เดือนแรกปี 49 บ้านเดี่ยวปรับตัวลดลงถึง 18% ซึ่งในส่วนของธารารมณ์

นายวสันต์กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินงานปี 51 บริษัทต้องเป้ายอดขายไว้ที่ 1,500 ล้านบาท หรือโต 15% จากปีนี้และเน้นเปิดเฟสหรือสิ้นค้าใหม่ โดยเน้นพัฒนาบ้านคอนเซ็ปต์ใหม่ออกสู่ตลาดใน 4 โครงการเดิม ซึ่งได้แก่ โครงการพาร์คเวย์ ชาเล่ต์ รามคำแหง, โครงการการ์เด้น สวีท ดิ อินดี้ โฮม รามคำแหงล โครงการเนเบอร์โฮม วัชรพลและโครงการพรอเมนาด โฮม พระราม 2 ซอย 47 ซึ่งปัจจุบันทั้ง 4 โครงการมีสินค้าเหลือขายประมาณ 5,000 ล้านบาท หรือรองรับการขายไปได้อีกกว่า 3 ปี

ในส่วนของกลยุทธ์การตลาด จะคำนึงถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นหลัก เพราะว่าในปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการซื้อ หรือแม้แต่กิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ที่จัดขึ้นจะต้องมีสีสัน แปลกใหม่ เพื่อเป็นแรงกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค

นอกจากนี้ยังได้กำหนดกลยุทธ์การตลาด “3E” ได้แก่ 1. Experience Marketing การสร้างประสบการณืที่ดีให้แก่ผู้บิรโภคในการสัมผัสกับสินค้าและบริการ 2. Expectation Management การบริหารจัดการความคาดหวังของผู้บริโภค และ 3. Excitement Modules การจัดโปรแกรมการส่งเสริมการขาย และการสร้างความสัมพันธ์ต่างๆ ให้มีรูปแบบสีสันน่าตืนตาตื่นใจ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us