Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน17 ธันวาคม 2550
บล.กิมเอ็งฯฟุ้งศก.-หุ้นปี51สดใสมั่นใจช่วงต้นปีดัชนีแตะ1,000จุด             
 


   
www resources

โฮมเพจ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)

   
search resources

หลักทรัพย์กิมเอ็ง, บมจ.
มนตรี ศรไพศาล
Economics




บล.กิมเอ็งฯ มองเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยปีหน้ายังไปได้สวย มั่นใจการเมืองเริ่มคลี่คลายช่วยผลักดันให้ดัชนีตลาดหุ้นต้นปีแตะ 1,000 จุด และทั้งปีอยู่ที่ 1,200 จุด โดยมีกลุ่มวัสดุก่อสร้าง พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธนาคารเป็นตัวนำ

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในงานเสวนาเรื่อง "หมีป่วนหรือกระทิงดุ จับตาทิศทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้นหลังเลือกตั้ง" ว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจและมีโอกาสขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณาจาก P/E ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อต้นปี 2550 อยู่ที่ระดับ 10 เท่าและเพิ่มขึ้นเป็น 13.5 เท่าเมื่อช่วงกลางปี ซึ่งไม่สูงกินไปและยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก ขณะที่ค่า P/E ของตลาดต่างประเทศ 12-18 เท่า

ประกอบกับปัญหาการเมืองภายในจะหมดสิ้นไป เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตย แม้ว่าอาจจะเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งจะส่งผลดีในแง่ช่วยกันตรวจสอบการทำงานของคณะผู้บริหารประเทศ รวมถึงเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจที่จะแจ่มชัดขึ้น

"การเมืองจะเริ่มมีเสถียรภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อจิตวิทยาของนักลงทุน ผลักดันการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนจะใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง"

ส่วนปัจจัยลบเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น นายมนตรี กล่าวว่า เป็นไปตามวัฏจักรการขึ้นและลง ตามความต้องการที่มากขึ้น ซึ่งในหลายๆ ประเทศรวมทั้งไทยได้ริเริ่มหาพลังงานอื่นทดแทนอย่างจริงจัง อีกทั้งปัญหาซัพไพร์มในสหรัฐอเมริกาที่ยังคงให้ความสำคัญติดตามอย่างใกล้ชิด ด้านค่าเงินบาทที่แข็งค่าที่ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออก ซึ่งผู้ประกอบการต้องรู้จักปรับตัว บริหารจัดการให้ดี และมองหาตลาดใหม่รองรับแทนตลาดในสหรัฐฯ ที่กำลังซื้อลดลง

ทั้งนี้ ในปี 2551 คาดว่าอัตรามวลรวมประชาชาติ หรือจีดีพี น่าจะโตได้ 5% โดยคาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้นปี 51 จะอยู่ที่ 1,000 จุด และตลอดทั้งปีที่ 1,200 จุด โดยมีกลุ่มสื่อสาร พาณิชย์ ค้าปลีก และบริโภคภายในประเทศเป็นตัวนำ รวมทั้งกลุ่มวัสดุก่อสร้าง พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธนาคาร เป็นต้น

"รัฐบาลชุดใหม่ต้องให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเมือง ราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ย หากสามารถผ่านพ้นวิกฤตในเรื่องดังกล่าวได้จะมีโอกาสสร้างผลกำไรที่ดี บวกกับรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะก้าวเข้ามาบริหารประเทศในต้นปีหน้ามีวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคอย่างเชี่ยวชาญและโปรงใส ซึ่งจะเรียกว่าความเชื่อมั่นอย่างดีต่อนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยคาดว่าดัชนีจะไปได้ถึง 1,700 จุด ในอีก 3-5ปีข้างหน้า"

นายพงศ์พันธุ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงแกว่งตัวขึ้น โดยเป็นตลาดของนักค้าหุ้นยังไม่ใช่ตลาดของนักลงทุน ซึ่งมองการทำกำไรมองกว่าตัวหุ้นรายตัว โดยมีปัจจัยเสี่ยงคือ เศรษฐกิจของสหรัฐฯที่จะชะลอตัว รวมทั้งปัญหาการเมือง หากยังมีความขัดแย้งหลังการเลือกตั้ง

ส่วนปัญหาเรื่องของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT นั้น หากได้ข้อสรุปของการเช่าท่อก๊าซเรียบร้อยและเปิดให้มีการซื้อขายปกติ คาดว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงเล็กน้อย พร้อมแนะนำให้ซื้อ โดยราคาเป้าหมายอยู่ที่ 400 บาท

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นในปีหน้า คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะมี P/E อยู่ที่ระดับ18 เท่า โดยกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเพิ่มขึ้น 26.7% ค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ขณะที่อัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงจนถึงกลางปีหน้า ทั้งนี้ ในระยะสั้นแนะนำลงทุนในกลุ่มธนาคาร คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY และกลุ่มธุรกิจเดินเรือ คือ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA

ด้านแผนการดำเนินงานของบริษัทนั้น ปีหน้าบริษัทตั้งเป้าพยายามจะรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ที่ 8-9% เน้นการพัฒนางานด้านการวิจัยและวาณิชธนกิจ โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และจัดตั้งกองทุนประมาณ 3-5 ราย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us