Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน14 ธันวาคม 2550
เตือนเศรษฐกิจปีหน้ายังหน้าห่วง ดัชนีพ.ย.ฟื้นทุกหมวดรอบ13เดือน             
 


   
search resources

Economics




หอการค้าไทยเตือนนักธุรกิจช่วยตัวเอง เหตุปีหน้าเศรษฐกิจยังน่าห่วง กว่าจะฟื้นตัวได้คงไตรมาสที่ 4 ระบุหากได้รัฐบาลไม่ถูกใจ หรือนโยบายเศรษฐกิจไม่ชัด ก็จะยิ่งแย่ ส่วนผลสำรวจความเชื่อมั่นเดือนพ.ย. ปรับตัวดีขึ้นทุกรายการในรอบ 13 เดือน หลังคนเริ่มมีความหวังใกล้เลือกตั้ง ส่งออกขยายตัวดี “ธนวรรธน์”ชี้เป็นเพียงแค่สัญญาณทรุดตัวหยุดลง ย้ำปีหน้าถ้าการเมืองไม่นิ่ง นโยบายรัฐห่วย เป็นปีเผาจริงแน่

นายดุสิต นนทะนาคร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ในปี 2551 เศรษฐกิจไทยยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะหากได้รัฐบาลใหม่ที่ไม่ถูกใจประชาชน หรือนโยบายด้านต่างๆ ยังไม่มีการปฏิบัติได้จริง ซึ่งหอการค้าไทยได้แนะนำนักธุรกิจให้พึ่งตัวเองให้มากกว่าปีนี้ เช่น ลดต้นทุนการผลิต เพราะเชื่อว่า ไตรมาส 1-3 ปีหน้า เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นแน่นอน แต่น่าจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป ส่วนปี 2552 จะเข้มแข็งมากขึ้น

ทั้งนี้ สิ่งแรกที่รัฐบาลใหม่ควรทำ คือ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายใน รวมถึงฟื้นการลงทุน การค้าชายแดน เพราะหากจะหวังการส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อนคงลำบาก เพราะการส่งออกจะชะลอตัวจากปัญหาซับไพร์มในสหรัฐฯ

“ปีหน้าเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะโต 5% จะหวังพึ่งการส่งออกอย่างเดียวคงไม่ได้ จะหวังให้การส่งออกโต 10% ก็ยากแล้ว เพราะมีปัจจัยเสี่ยงราคาน้ำมัน ซึ่งเอกชนหวังว่า คงไม่ขึ้นไปเกิน 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพราะจะปรับตัวยาก ขณะนี้เอกชนตั้งรับราคาน้ำมันไว้ที่ 90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพื่อวางแผนการผลิตและลดค่าใช้จ่ายบริหารต้นทุน” นายดุสิตกล่าว

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.2550 ที่สำรวจประชาชนทั่วประเทศ 2,253 ตัวอย่าง ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกรอบ 13 เดือน โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเดือนพ.ย. อยู่ที่ 69.3 เพิ่มจาก 68.6 ในเดือนต.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำอยู่ที่ 70.3 เพิ่มจาก 69.8 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต 89.1 จาก 88.1

ทั้งนี้ ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.อยู่ที่ 76.2 เพิ่มจาก 75.5 ในเดือนต.ค. แต่ยังต่ำกว่าระดับ 100 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 41 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันเท่ากับ 70.0 เพิ่มจาก 69.8 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตเท่ากับ 76.0 เพิ่มจาก 75.1

สาเหตุที่ดัชนีปรับตัวดีขึ้น เพราะการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น จากการเลือกตั้งวันที่ 23 ธ.ค.นี้ การส่งออกสินค้าไทยในเดือนที่ผ่านมา ที่ขยายตัวถึง 27.9% มูลค่า 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐ กระทรวงการคลังปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวที่ระดับ 4.5% จากเดิม 3.8-4.3%

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นจะปรับตัวดีขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัว เพียงแต่หยุดการทรุดตัวลง เพราะยังคงมีปัจจัยลบในเรื่องราคาน้ำมันแพง ที่ทำให้คนกังวลถึงภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น ดังนั้น รัฐบาลใหม่จะต้องเร่งสร้างความชัดเจนถึงการดำเนินงานนโยบายด้านเศรษฐกิจ เพราะหากประชาชนยอมรับในนโยบายเศรษฐกิจแล้ว จะทำให้การบริโภคฟื้นกลับมาชัดเจนได้ภายในไตรมาส 2 ปี 2551

“แม้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตจะดีขึ้น แต่ประชาชนยังห่วงค่าครองชีพ ราคาน้ำมันสูง ซึ่งบั่นทอนกำลังซื้อ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จึงยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวในปลายปีนี้ เพียงแค่สัญญาณการทรุดตัวหยุดลงเท่านั้น เชื่อว่า ปีหน้า หากการเมืองนิ่ง นโยบายรัฐบาลสามารถฟื้นความเชื่อมั่นได้ และราคาน้ำมันไม่สูงเกิน 100 เหรียญ/บาร์เรล เศรษฐกิจไทยจะฟื้นได้ในไตรมาส 2 แต่หากการเมืองไม่นิ่ง ปัญหาซับไพรม์ในสหรัฐฯบั่นทอนการส่งออก และราคาน้ำมันแพงเกิน 100 เหรียญ/บาร์เรล ปีหน้าเผาจริงแน่นอน” นายธนวรรธน์กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us