|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
บิ๊ก "มิลล์คอนสตีลฯ" ระบุเป็นเรื่องปกติที่ผู้ถือหุ้นขายหุ้นทำกำไรหลังราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาจองค่อนข้างมาก เชื่อ"เสี่ยปู่"พร้อมกลับมาซื้อใหม่หากราคาปรับตัวลดลงจนถึงระดับที่น่าสนใจ เผยแผนงานในปีหน้าตั้งเป้ารายได้โต 25% ขณะที่ปีนี้มั่นใจรายได้ 3,000 ล้านบาทได้แน่นอน ย้ำชัดเรื่องย้ายจาก mai ไป SET อยู่ระหว่างศึกษาชี้ผู้ถือหุ้นต้องได้ประโยชน์
นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILL กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวที่ระบุว่าปัจจุบันนักลงทุนรายใหญ่ที่บริษัทได้จัดสรรหุ้นที่เสนอขายครั้งแรก(IPO)ให้ประกอบด้วยนายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 25 ล้านหุ้น นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล หรือเสี่ยปู่ และนายวิชัย วชิรพงศ์ หรือเสี่ยยักษ์ ซึ่งได้รับจัดสรรหุ้นรายละ 2 ล้านหุ้น ได้เริ่มมีการขายหุ้นออกมาโดยในส่วนของนายสมพงษ์ปัจจุบันได้ขายหุ้นของบริษัทออกหมดแล้วว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่นักลงทุนเมื่อมีกำไรจากราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นก็มีการขายทำกำไรออกมา ขณะที่เชื่อว่าหากราคาหุ้นปรับตัวลดลงจนอยู่ในระดับที่น่าสนใจนักลงทุนก็จะกลับเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทอีกครั้ง
ทั้งนี้ การปรับตัวลดลงของราคาหุ้นบริษัทในช่วงที่ผ่านมาน่าจะเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เมื่อมีข่าวในเชิงลบออกมาจึงเป็นปัจจัยที่กดดันและทำให้นักลงทุนเทขายทำกำไรออกมา
"ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เมื่อราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นนักลงทุนเมื่ออาชีพก็ต้องมีการขายทำกำไรออกมา แต่หากราคาปรับลดลงและยังมองว่าธุรกิจในอนาคตมีแนวโน้มเติบโตที่ดีก็อาจจะเข้ามาลงทุนรอบใหม่ ในส่วนของคุณโกมลที่ได้รับจัดสรรหุ้นค่อนข้างมากเท่าที่ทราบตอนนี้ยังไม่มีการขายหุ้นออกมา"นายสิทธิชัยกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้คาดว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 2,600-2,700 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส4 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจเหล็กจะทำให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้น ขณะที่ในปีหน้าบริษัทตั้งเป้ารายได้ขยายตัวในระดับ 25% โดยบริษัทจะพยายามให้การเติบโตของบริษัทอยู่ในระดับโตกว่าอุตสาหกรรม
นายสิทธิชัย กล่าวอีกว่า บริษัทยังไม่ล้มเลิกแผนที่จะย้ายบริษัทไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) จากปัจจุบันที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เนื่องจากคุณสมบัติของบริษัทในตอนนี้เป็นไปตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดแล้ว โดยปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนอยู่ 400 ล้านบาท แต่ในเรื่องดังกล่าวคงจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบโดยบริษัทได้ปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินมาโดยตลอดเพื่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ถือหุ้นให้มากที่สุด
"แผนในเรื่องการย้ายจาก mai ไป SET เรายังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่เราได้ปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินมาตลอดเราอยากจะทำให้เกิดประโยชน์กับผู้ถือหุ้นทุกราย"นายสิทธิชัยกล่าว
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้น MILL วานนี้ (13 ธ.ค.) ราคาปิดที่ 4.90 บาท ลดลง 0.35 บาท หรือ 6.67% มูลค่าการซื้อขาย 58.67 ล้านบาท
|
|
 |
|
|