|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"กลุ่มซีคอน" คาดหลังเลือกตั้งภาพตลาดรับสร้างบ้านสดใสต่อเนื่องจากปีนี้ พร้อมประเมินมูลค่าตลาดรวมรับสร้างปี 51 ไว้ที่ 8,500 ล้านบาท บ้านต่ำกว่า 2 ล้านบาทยังคงครองแชมป์ ระบุราคาน้ำมันส่งผลาต้นทุนพุ่ง 3-10% คาดปี 51 ผู้ประกอบการปรับราคาขาย 5-10%
นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ซีคอน จำกัด และบริษัท คอมแพค โฮม จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี 2550 ว่า โดยรวมธุรกิจรับสร้างบ้านยังขยายตัวได้ดี ท่ามกลางปัจจัยลบทางเศรษฐกิจและความไม่ชัดเจนทางการเมือง โดยมีสาเหตุมาจากผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านสามารถปรับตัวได้ดีขึ้น และการกลับมาของกำลังซื้อของธุรกิจรับสร้างบ้าน
ทั้งนี้คาดว่าตลาดรวมทั้งปีของบริษัทรับสร้างบ้านน่าจะมีมูลค่าเทียบเท่าหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2549 รวม 8,000 ล้านบาท โดยช่วงที่มียอดขายมากที่สุด คือ ไตรมาสที่ 3 เป็นผลมาจากการจัดงานของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านในเดือนสิงหาคม ซึ่งประสบความสำเร็จกับยอดจองภายในงานถึง 1,500 ล้านบาท มากกว่าที่สมาคมฯ ประเมินไว้ที่ 1,000 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์ของธุรกิจรับสร้างบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นการสร้าง Brand Differentiate และวาง positioning ของตนเองให้ชัดเจน และจากการที่บริษัทรับสร้างบ้านต่างช่วยกันยกระดับมาตรฐานการสร้างบ้านเพื่อให้แตกต่างจากผู้รับเหมารายย่อย หลายบริษัทจึงหันมาทำตลาดบ้านระดับกลาง-ล่างมากขึ้น เพื่อขยายส่วนแบ่งทางการตลาด โดยอาศัยการเปิดบริษัทลูกเพื่อรับงานจากบริษัทแม่ หรือแตกบริษัทเพื่อเจาะตลาดใหม่ ด้านการบริการจะเป็นบริการแบบ One Stop Service ซึ่งมีทั้งการจับมือกับพันธมิตร หรือแตกบริษัทลูก เช่น เปิดบริษัทตกแต่งภายใน จัดสวน บางรายจัดทำบ้านพร้อมตกแต่ง
อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้ลูกค้า และเพื่อเป็นการปรับตัวรับสภาวะเศรษฐกิจและแสวงหาโอกาสในการทำตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น บริษัทรับสร้างบ้านจึงเปิดสาขาในต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว หรือแหล่งคมนาคมขนส่ง ทั้งนี้เนื่องจากตลาดต่างจังหวัดยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เพราะกว่า 90% จะสร้างบ้านเองมากกว่าซื้อบ้านจัดสรร และลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาในปีนี้ก็เป็นลูกค้าจากต่างจังหวัดจำนวนมาก
นางสาวศุภิชชา กล่าวว่า หากพิจารณาภาพรวมการแข่งขันของธุรกิจรับสร้างบ้านพบว่า การแข่งขันโดยรวมในปีนี้หากเป็นบ้านระดับราคาต่ำ ยังคงเห็นการแข่งขันด้านราคาเป็นหลัก ส่วนบ้านราคาระดับกลางขึ้นไป จะเน้นคุณภาพมากกว่าราคา แต่จากการแข่งขันที่รุนแรงในช่วงปลายปี ส่งผลให้หลายบริษัทต้องหันมาใช้กลยุทธ์บ้านราคาเดิม ก่อนที่จะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นในปีหน้า เพื่อทำยอดขายให้ได้มากที่สุด ถึงแม้จะมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง แต่ก็ยังเห็นถึงความร่วมมือกันระหว่างผู้ประกอบการรับสร้างบ้านเพื่อพัฒนาธุรกิจรับสร้างบ้านผ่านทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ที่เห็นได้ชัดในปีนี้ คือ การร่วมมือกันร่างสัญญามาตรฐาน เพื่อนำมาใช้ในปี 2551 เพื่อปกป้องสิทธิของผู้บริโภคไม่ให้โดนเอาเปรียบ สร้างความยุติธรรมให้กับทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค
ด้านสถานการณ์ภายหลังการเลือกตั้งนั้นเชื่อว่าในช่วงแรกภาพรวมทุกธุรกิจรวมทั้งธุรกิจรับสร้างบ้าน จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพราะนโยบายต่างๆ มีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งง่ายต่อการตัดสินใจลงทุนหรือขยายกิจการ แต่ปัจจัยลบต่างๆ ก็ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้น 3-10% อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปีหน้าบริษัทรับสร้างบ้านหลายรายต้องปรับราคาขายให้สูงขึ้น 5-10% เพื่อให้ราคาแปรผันไปตามต้นทุน หลังจากไม่ได้ปรับหรือว่าปรับน้อยมากในปี 2550
"การแข่งขันในปีหน้า จะเน้นการสื่อสารกับลูกค้าโดยตรงมากขึ้น จากความสำเร็จอย่างมากของการออกบูธแต่ละครั้ง โดยเฉพาะงานใหญ่ของทางสมาคมฯที่จะจัดขึ้นช่วงเดือนสิงหาคมในทุกๆ ปี ซึ่งจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ที่เข้าร่วมชมงานรับสร้างบ้าน 2007 จำนวนประมาณ 9,000 ตัวอย่างพบว่า กว่า 50% มีแนวโน้มที่จะสร้างบ้านภายใน 1-2 ปี ข้างหน้า ทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านจึงประเมินมูลค่าตลาดบริษัทรับสร้างบ้านปี 2551 จะขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 8,500 ล้านบาท" นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา 11 เดือนในปี 2550 ซีคอน โฮม สามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 260 หลัง รวมมูลค่า 700 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ประกาศไว้เมื่อต้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 650 ล้านบาท เช่นเดียวกับ คอมแพคโฮม ที่สามารถกวาดยอดขายได้ตามเป้าหลังเปิดตัวได้ 5 เดือน 80 ยูนิต รวมมูลค่า 110 ล้านบาท
|
|
|
|
|