พีแอนด์จี ระเบิดสงครามราคาสินค้าพรีเมียม รับมือผู้บริโภคเปลี่ยนซื้อสินค้าคุ้มค่าคุ้มราคา กระตุ้นยอดขายโค้งสุดท้าย ด้านวัตสัน ระบุปีหน้าเศรษฐกิจไม่สดใส จ่อคิวนำเข้าสินค้าใหม่ โปรโมชันดันยอดขายตลอดปี

นายศรัณย์ รัตนรุ่งเรืองชัย ผู้จัดการแผนกพัฒนาธุรกิจลูกค้า บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือพีแอนด์จี เปิดเผยว่า ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ผู้บริโภคจึงระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย การตัดสินใจซื้อสินค้าพิจารณาจากความคุ้มค่าคุ้มราคามากขึ้น ซึ่งตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคเติบโตน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีก่อน โดยมีเพียงตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่ยังมีการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักเท่านั้น มาจากกลุ่มลดเลือนริ้วรอยที่เติบโต

นโยบายการตลาดของบริษัทฯจึงมุ่งเน้นใช้กลยุทธ์ลดราคาสินค้าพรีเมียม 2 กลุ่ม ได้แก่ แชมพูและครีมนวดแพนทีน และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าโอเลย์ เนื่องจากภาพลักษณ์สินค้ามีราคาแพง การลดราคาเพื่อให้ตอบโจทย์กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง และให้ผู้บริโภคหันมาใช้สินค้ามากขึ้น

ทั้งนี้บริษัทฯได้ลดราคาแชมพูและครีมนวดผมแพนทีน 30% ทุกขนาด อาทิ แชมพู ขนาด 400 มล. จาก 155 บาท เหลือ 129 บาท ถูกกว่าโดฟสินค้าคู่แข่ง 15% ซึ่งได้ดำเนินการมา 2 เดือน หากได้รับการตอบรับที่ดีจะลดราคาสินค้ากลุ่มแชมพูเป็นการถาวร ส่วนผลิตภัณฑ์โอเลย์ ขนาด 50 กรัม จาก 420-430 บาท เหลือเป็น 399 บาท

“แม้ว่าขณะนี้ต้นทุนการผลิตสินค้าสูงขึ้น แต่เนื่องจากบริษัทมีการบริหารและควบคุมวัตถุดิบที่ดี เนื่องจากไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าส่งออกไปยังภูมิเอเชียทั้งหมด ยกเว้นประเทศจีน ทำให้มีอำนาจการต่อรองวัตถุดิบ เพราะสั่งซื้อในปริมาณที่มาก โดยได้มีโรงงานเป็นฐานการผลิตแชมพูและดูแลผิวเพิ่มมากว่า 1 ปี ดังนั้นต้นทุนการผลิตสินค้าของบริษัทจึงไม่ได้เพิ่มขึ้น”

ภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคแข่งขันรุนแรง ดังนั้นการเติบโตต้องเกิดจากร่วมมือระหว่างซัปพลายเออร์และค้าปลีก ภายใต้การมีแคมเปญที่ตอบโจทย์และการสร้างความแตกต่าง เพื่อตอบสนองผู้บริโภคแต่ละช่องทาง

วัตสันผุดแผนสู้เศรษฐกิจฝืดปีหน้า

นายโทบี้ แอนเดอร์สัน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เซ็นทรัล วัตสัน จำกัด ร้านค้าปลีกเพื่อสุขภาพและความงามวัตสัน เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในปีหน้ามองว่าเติบโตไม่มากนัก จีดีพีโต4.5% โดยปีหน้ายังคงขยายสาขาต่อเนื่องซึ่งอยู่ระหว่างหาทำเล ประกอบกับภาครัฐมีการนำ พ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ....มีควบคุมการขยายสาขาของห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นช่องทางหลักในการขยายสาขาของร้านวัตสัน ทำให้บริษัทต้องรอดูผลสรุปก่อน

บริษัทฯยังมีแผนนำเข้าสินค้าใหม่ อาทิ เวชสำอาง สินค้าเพื่อความงามจากเกาหลีและญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น และวางแผนที่จะนำสินค้ากลุ่มเอ็กคลูซีฟมากขึ้น ตลอดจนการทำกิจกรรมทางการตลาดควบคู่กับทำโปรโมชันทุกเดือน

สำหรับรายได้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบ แต่เมื่อเข้าสู่กลางปีเริ่มปรับตัวในทิศทางดีขึ้น ล่าสุดบริษัทฯได้ใช้งบ 5 ล้านบาท จับมือร่วมกับ 6 พันธมิตร ได้แก่ นีเวีย ฟอร์เมน,ซีเอ,เมเบลลีน,โอเลย์,โดฟ และเอลองซิล เปิดตัวโครงการประกวด”ยู อวอร์ด” เปิดโอกาสให้ลูกค้าวัตสันประกวดความเป็นเอกลักษณ์ สิ้นปีนี้บริษัทฯมั่นใจว่ารายได้รวมเติบโตเป็นไปตามเป้าหมาย