กองทุนรวมเพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ชื่อ American Financial Realty
Trust แห่งเมือง Jenkin รัฐ Pennsilvania หวังทำกำไรงดงามจากกระแสแบงก์บูมขยายสาขาระลอกใหม่
ด้วยการลงทุนกว้านซื้อสาขาธนาคารต่างๆ แล้วนำกลับมาให้ธนาคารนั้นๆ เช่า ซึ่งช่วยให้ธนาคารสามารถผ่อนคลายภาระการถือครองทรัพย์สินระยะยาวลงไปได้
American Financial หวังว่า นักลงทุนก็คงจะเล็งเห็นโอกาสการลงทุนที่เกิดจากกระแสแบงก์แข่งกันขยายสาขานี้เช่นเดียวกับตน
และยอมที่จะควักกระเป๋าซื้อหุ้นของกองทุน ซึ่งมีกำหนดจะเสนอขายต่อสาธารณชนครั้งแรก
(IPO) ในเดือนพฤษภาคมปีนี้ กองทุนฯ หมายมั่นว่าจะสามารถระดมทุนได้มากถึง
385 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถ้าทำได้ก็จะกลายเป็นการเสนอขายหุ้น IPO ที่มีมูลค่าสูงสุดของสหรัฐฯ
เท่าที่ผ่านมาในปีนี้
ความน่าสนใจของกองทุนดังกล่าวยังอยู่ที่ตัวประธาน board of trustees คือ
Lewis J. Ranieri อดีตรองประธานของ Salomon Brothers Inc. ผู้ซึ่งได้ชื่อว่า
เป็นผู้บุกเบิกก่อตั้งตลาดรองตราสารหนี้ที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันหนี้
(secondary mortgage market) Ranieri เข้ามาร่วมงานกับกองทุนฯ ในปี 2002
กองทุน American Financial กำลังเร่งซื้อทรัพย์สินอย่างยกใหญ่ จนถึงวันที่
14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กองทุนฯ มีอสังหาริมทรัพย์อยู่ในมือแล้วถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์
ในจำนวนนี้รวมถึงอาคารสำนักงาน 145 หลังและสาขาธนาคารอีก 202 แห่ง หนังสือชี้ชวนของกองทุนฯ
ระบุว่า ธนาคารเป็นผู้เช่าที่ดี เพราะถูกควบคุมด้วยกฎระเบียบที่เข้มงวด และเป็นกิจการที่ไม่เจ๊งง่าย
ๆ เมื่อเทียบกับผู้เช่าที่เป็นผู้ค้าปลีก อย่างไรก็ตาม ทรัพย์สินมูลค่า 1.1
พันล้านจากจำนวนทั้งหมด 1.6 พันล้านของกองทุนฯ ยังคงเป็นหลักทรัพย์ที่มีบ้านเป็นหลักประกันหนี้
ซึ่งมูลค่าของหลักทรัพย์อาจผันผวนได้อย่างรวดเร็วตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย
ไม่ว่าอย่างไร American Financial ก็มีนักการเงินที่มีชื่อเสียงมาช่วยนำทาง
และยังเล็งช่องว่างของตลาดได้ดี คุณสมบัติ 2 ประการนี้ คงเพียงพอที่จะทำให้กองทุนฯ
ได้รับประโยชน์ไม่น้อยจากกระแสขยายสาขาธนาคารในสหรัฐฯ ในยามนี้