|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ทัพสินค้าอุปโภคบริโภคอัดสงครามราคาเดือด หวังกระตุ้นผลประกอบการเข้าเป้าสิ้นปีนี้ หลังเศรษฐกิจพ่นพิษรายได้หด "ไลอ้อน" ระบุปีหน้าสินค้าแห่ปรับราคาขึ้นเพียบ ล่าสุดต้นทุนผลิตจ่อคิวขึ้นอีกระลอก ผุดนโยบายการตลาดกระชับ ชูคอนเซปต์สุขภาพทะลวงทุกกลุ่มเป้าหมาย
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในปีนี้มีอัตราการเติบโต 4-5% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นเพราะสินค้าหลายกลุ่มได้ปรับราคาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามผลประกอบการปีนี้ของผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภคหลายค่ายไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากได้รับผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง พฤติกรรมของผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย
ดังนั้นเพื่อกระตุ้นให้ผลประกอบการให้เป็นไปตามเป้าหมาย ในปลายปีนี้หรือในช่วงเดือนธันวาคมการแข่งขันสงครามราคา ลด แลก แจก แถม มีความรุนแรงมากขึ้น โดยจากการสำรวจผู้สื่อข่าวพบว่า กลุ่มแชมพูและครีมนวดผมงัดสงครามราคาขึ้นมาใช้กันอย่างรุนแรง โดยบริษัทพีแอนด์จี ลดราคาแชมพูแพนทีน ขนาด 500 มล. จาก 189 บาท เหลือ 149 บาท และจัดรายการร่วมกับโมเดิร์นเทรดเหลือเป็น 135 บาท หรือแชมพูแพนทีน ขนาด 400 มล. จาก 155 บาท เหลือ 129 บาท จัดรายการร่วมกับโมเดิร์นเทรดเหลือเป็น 114 บาท ส่วนครีมนวดเฮดแอนด์โชว์เดอร์ ขนาด 200 มล. จาก 106 บาท เหลือเป็น 99 บาท
ขณะที่บริษัทยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง หั่นราคาแชมพูคลีนิค เคลียร์ ขนาด 380 มล. จาก 139 บาท เหลือ 119 บาท ตลอดจนมีการจัดรายการส่งเสริมการขายต่างๆ นานา อาทิ ซื้อสินค้าครบมูลค่าตามที่ตั้งไว้จะได้รับของพรีเมียม เป็นต้น
นายบุญฤทธิ์ กล่าวถึงผลประกอบการปีนี้ว่า บริษัทฯตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 15% แต่คาดว่าผลประกอบการสิ้นปีนี้จะมีอัตราการเติบโต 10% หรือมีรายได้ 7,600 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมาย บริษัทฯได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยการจัดโครงการ "10 ปี เปา ซอฟท์ ร่วมสร้างคนดี ส่งเสริมคุณธรรม”ในกลุ่มผงซักฟอกเปาซอฟท์ เป็นต้น โดยบริษัทฯจะไม่มุ่งเน้นกลยุทธ์ราคา เนื่องจากผลพวงจากการแข่งขันทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม กันอย่างรุนแรง ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคไม่ซื้อสินค้า จนกว่าจะมีสินค้าจัดรายการส่งเสริมการขาย เพราะด้วยภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่ปรับเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคจึงมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย
สำหรับภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในปีหน้านี้ คาดว่าจะมีสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลายกลุ่มที่ปรับราคาเพิ่มขึ้น เนื่องจากขณะนี้ต้นทุนการผลิตเริ่มทยอยปรับราคาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามการปรับราคาขึ้นในครั้งนี้ คาดว่าผู้บริโภคจะรับได้และไม่ตื่นตระหนก เพราะเข้าใจถึงเหตุผลที่สินค้าต้องปรับราคาขึ้น ส่วนด้านเทรนด์ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคจะมีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
นายบุญฤทธิ์ กล่าวว่า สำหรับแผนการตลาดในปีหน้า เพื่อรองรับกับภาวะต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้น บริษัทฯจะวางงบการตลาดให้มีประสิทธิภาพ พร้อมกับวางรูปแบบให้มีความกระชับมากขึ้น ภายใต้การทำตลาดอย่างรับผิดชอบสังคมหรือมุ่งเน้นการทำซีเอสอาร์ ซึ่งจะเป็นกลยุทธ์การตลาดที่มาแรงในปีหน้านี้ พร้อมกันนี้บริษัทฯมุ่งเน้นพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ ภายใต้คอนเซปต์ "เพื่อสุขภาพ" เนื่องจากเป็นเทรนด์ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีอย่างต่อเนื่องในอนาคต อีกทั้งยังสามารถครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
"คนไทยหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น โดยพบว่าคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไปแล้ว จะหันมาใส่ใจเกี่ยวกับสุขภาพเพิ่มขึ้น ตลอดจนวัยทำงาน หรือวัยรุ่น เนื่องจากค่าครองชีพที่ปรับขึ้น จึงต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายการดูแลรักษาพยาบาลยามเจ็บป่วย" นายบุญฤทธิ์กล่าว
|
|
|
|
|