บอสใหญ่แผ่นดินทองฯลุยโครงการใหญ่ในซีบีดีปี 2551 ดึงที่เช่าสนง.ทรัพย์สินบริเวณไผ่สิงห์โตเนื้อที่ 9 ไร่ พัฒนาโครงการตามโมเดลการเสริมสร้างรายได้จากค่าเช่าและบริการ ทั้งโรงแรม สำนักงานให้เช่าและค้าปลีก รวมมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท รวมบิ๊กโปรเจกต์ในมือทั้งในสถานทูตรัสเซียและไผ่สิงห์โตกว่า 15,000 ล้านบาท ลั่นไม่เกิน 3 ปีข้างหน้า โครงสร้างรายได้จากค่าเช่าและบริการกับขายบ้านสัดส่วน 50:50% แต่ในปีนี้ ยอดขายบ้านเดี่ยวยังคงเป็นพระเอกอยู่
นายวิลเลี่ยม จอห์น วิลฟอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD เปิดเผยถึงทิศทางการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯว่า จุดยืนของบริษัทยังคงที่จะพัฒนาโครงการสูงในย่านศูนย์กลางธุรกิจ(ซีบีดี)ต่อเนื่อง ซึ่งจะมีส่วนสนับสนุนที่สำคัญต่อการเสริมสร้างรายได้จากค่าเช่าให้แก่บริษัทในระยะยาว นอกเหนือจากรายได้จากการขายโครงการบ้านหรู โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รายได้หลักจะมาจากการขายโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ แต่ในอนาคต โครงสร้างรายได้จากการขายและรายได้จากค่าเช่าจะมีความสมดุล
" เราคงจะบริหารรายได้ทั้งสองส่วนให้มีสัดส่วนเท่ากันในอนาคต โครงการตึกสูงขนาดใหญ่ เรายังลงทุนต่อเนื่อง เน้นพื้นที่ในกรุงเทพฯที่สำคัญ เป็นไพร์มเอเรียลในซีบีดี นอกจากนี้ ยังหาช่องทางที่จะมองหาพื้นที่นอกเขตซีบีดี ในการลงทุนพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ให้เช่า โดยจะคำนึงถึงการขนส่ง ยิ่งตามแนวรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดิน ยังเป็นทำเลที่ดี ขณะเดียวกันโครงการบ้านเดี่ยว บริษัทฯยังคงขยายตัวอย่างอยู่ โดยมีผู้บริหารมือดีอย่างนายสหัส ตันติคุณ เข้ามาร่วมงาน มีการวางแผนและประสานงานอย่างใกล้ชิด "นายวิลเลี่ยมกล่าวให้เห็นภาพของการลงทุนแบบระมัดระวัง พร้อมทั้งระบุว่า อัตราเติบโตของยอดขายของบริษัทฯในปี 2550 ประมาณ 15% และคาดว่าในปี 2551 อัตราเติบโตของยอดขายประมาณ 30% ส่วนใหญ่จะมาจากโครงการที่อยู่อาศัย และในอีก 3 ปีข้างหน้า ยอดขายโครงการตึกสูงและบ้านเดี่ยวจะมีสัดส่วน 50:50%
นายวิลเลี่ยม กล่าวว่า เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของรายได้จากค่าเช่าและบริการ ภายในปี 2551 ทางบริษัทมีแผนนำที่ดินประมาณ 9 ไร่ บริเวณไผ่สิงห์โต(ตรงกันข้ามกับศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ปัจจุบันเป็นที่จอดรถยนต์ ) ซึ่งได้รับสิทธิ์การเช่าจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในเบื้องต้นไปสิ้นสุดปี 2069 (ระยะเวลา 62 ปี) พัฒนาโครงการในรูปแบบเชิงพาณิชย์ ทั้งพื้นที่สำนักงานให้เช่า โรงแรม และค้าปลีก รวมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 1 แสนตารางเมตร ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาว่าจะมีอาคารประเภทโรงแรม 1 ตึกหรือ 2 ตึก รวมแล้วทั้งโครงการจะมีมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท
" คอนเซ็ปต์การลงทุนและพัฒนาโครงการสูงของบริษัทฯยังอิงกับระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ ซึ่งพื้นที่ตรงไผ่สิงห์โตก็อยู่ติดกับสถานีศูนย์ประชุมสิริกิติ์ และยังสามารถเดินทางไปยังเส้นสาทร ซึ่งเป็นซีบีดีของกรุงเทพฯอีกแห่งหนึ่ง ขณะที่โครงการสาธร สแควร์ เป็นโครงการใหญ่ขนาดใหญ่ ที่ตั้งในพื้นที่สถานทูตรัสเซียเดิม บนเส้นถนนสาทร บนเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ โครงการดังกล่าวมีมูลค่าประมาณหมื่นล้านบาท สร้างเป็นคอมเพล็กซ์ครบวงจร ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียมหรู ดิ อินฟินิตี้ ที่ขายได้หมดในปีที่แล้ว จะส่งมอบภายในสิ้นปี 2551 อาคารสำนักงานที่จะมีร้านค้าปลีกให้เช่า จะเสร็จกลางปี 2553 มีโครงการโรงแรมหรูที่จะก่อสร้างเสร็จสิ้นปี 2553 ซึ่งในส่วนของโรงแรมจะพัฒนาภายใต้ชื่อ บริษัท นอร์ท สาธร โฮเต็ล จำกัด ซึ่งจะเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทแผ่นดินทองฯ 20% และอิสทิธมาร์ โฮเต็ล เอฟแซดอี จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สัดส่วน 80% " ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯกล่าว และชี้ว่า หากรวมมูลค่า 2 โครงการแล้วจะไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ นายสหัส ตันติคุณ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายโครงการบ้านจัดสรรบริษัทฯ ระบุว่า ครึ่งหลังของปี 2550 ยอดขายบ้านเดี่ยวจะมีอัตราเติบโตค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ หลังจากเข้ามาปรับระบบ ผลักดันกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ๆ ส่งผลลูกค้ามีความมั่นใจและตัดสินใจซื้อ ปัจจุบันโครงการที่เปิดการขายอยู่ ได้แก่ โครงการโกลด์เด้นท์เดอะรีเจ้นท์ ถนนกัลปพฤกษ์, โกลด์เด้นท์ เฮอริเทจ ถนนราชพฤกษ์-สาทร, โกลด์เด้นท์ โมนาโค ถนนบางนา-ตราด และโกลด์เด้นท์ นครา พระราม 9 โดยเป็นบ้านเดี่ยวระดับไฮเอ็นด์ ราคา 20 ล้านบาทขึ้นเป็นส่วนใหญ่ รวมมูลค่าโครงการเหลือขายทั้งหมดประมาณ 4,000 ล้านบาท เป้าหมายการขายทั้งปี 1,354 ล้านบาท ช่วง 9 เดือนแรกสามารถทำยอดขายไปแล้ว 889 ล้านบาท ยังเหลือยอดขายที่ต้องทำอีก 465 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือน (สิ้นสุด 30 ก.ย.) บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 939 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปี 49 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 216 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิเป็นผลจากการขายที่ดินและอาคารตามสัญญาเช่าการเงินของบริษัทโกลเด้น แลนด์ (เมย์แฟร์) จำกัด ให้แก่กองทุนรวมอสังหาฯโกลด์ จำนวน 798 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2 ของปี 50
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ การท่าเรือแห่งประเทศไทย เจ้าของแลนด์ลอรด์ดย่านคลองเตย ในฐานะผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน 2,353 ไร่ ใกล้เคียงกับพระรามที่ 4 มีแผนแม่บท (มาสเตอร์แพลน)ในการพัฒนาโครงการออกแบบปรับปรุงแผนแม่บทการใช้ที่ดินท่าเรือกรุงเทพ ซึ่งตามแผนจะมีการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่หลากหลายรูปแบบ ซึ่งจะพลิกพื้นที่ดังกล่าวกลายเป็น"เมืองเศรษฐกิจ"แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ
|