|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แบงก์กรุงไทยเผยแผนธุรกิจปีหน้า ตั้งเป้าขยายสินเชื่อ 60,000 ล้านบาท โดยสินเชื่อหลักจะมาจากสินเชื่อที่ปล่อยให้กับภาครัฐซึ่งจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นในปีหน้า ชี้ปีหน้าธุรกิจแบงก์ยังแข่งเดือดด้วยการแย่งลูกค้า ส่วนสินเชื่อรายย่อยตัวหลักมาจากสินเชื่อบ้าน
'
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจปีหน้าว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ 60,000 ล้านบาท หรือขยายตัว 5-6% ของพอร์ตสินเชื่อรวมที่มีอยู่ 1 ล้านล้านบาท โดยส่วนที่สำคัญจะมาจากสินเชื่อรายใหญ่ในส่วนที่เป็นการลงทุนภาครัฐ โครงการเมกะโปรเจกต์ และโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานต่าง ๆ
ทั้งนี้สินเชื่อที่คาดว่าจะมีการเบิกใช้มากขึ้น คือ ในกลุ่มของปิโตรเคมี และโรงงานไฟฟ้า ซึ่งได้มีการอนุมัติวงเงินสินเชื่อไปแล้ว ส่วนอุตสาหกรรมอื่น ๆ ยังคงต้องรอให้ความเชื่อมั่นในการลงทุน ซึ่งหากความเชื่อมั่นกลับมาก็จะทำให้มีการลงทุนมากขึ้น ทำให้ยอดสินเชื่อของธนาคารทำได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
"การแข่งขันสินเชื่อในปีหน้าจะรุนแรง และมีการแย่งลูกค้า ในส่วนของแบงก์กรุงไทยก็พร้อมที่จะเข้าไปแข่งขัน นอกจากนี้หากมีรัฐบาลเข้ามาแล้วสามารถเรียกความเชื่อมั่นภาคเอกชน ก็จะทำให้การลงทุนของอุตสาหกรรมภาคอื่นๆ เกิดขึ้น ก็จะทำให้ยอดสินเชื่อในปีหน้าของแบงก์เติบโตมากกว่า 6 % " นายอภิศักดิ์ กล่าว
สำหรับสินเชื่อรายย่อยในปีหน้า ตัวหลักจะยังมาจากสินเชื่อที่อยู่อาศัย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้สนับสนุนสินเชื่อโครงการที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก และได้มีการแนะนำลูกค้าที่จะซื้อบ้านในโครงการให้มาใช้บริการสินเชื่อของธนาคาร จึงเป็นส่วนที่ทำให้โอกาสของสินเชื่อยังเติบโตได้
โดยธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อในปีหน้าเพิ่มขึ้นสุทธิ 15 % หรือ 20,000 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อธนวัฎที่ปล่อยกู้ให้กับข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจที่จ่ายเงินเดือนผ่านธนาคาร ซึ่งถือเป็นฐานลูกค้าสำคัญในปีนี้มีอัตราการเติบโต 10 % ในปีหน้ายังคงอัตราเติบโตไว้ที่ 10 % เช่นเดียวกัน
นายอภิศักดิ์ กล่าวถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าว่า ปัจจัยที่ต้องติดตามว่าอัตราเงินเฟ้อในปีหน้าจะเป็นอย่างไร เพราะในช่วงเดือนมกราคม ปี 2551 สิ่งที่รัฐบาลรักษาการตรึงราคาสินค้าและบริการไว้ หากปีหน้าไม่ตรึงราคาตัวเลขเงินเฟ้ออาจพุ่งขึ้นไปเป็นตัวเลข 2 หลัก ซึ่งเมื่อเทียบกับเดือนม.ค. 50 เป็นตัวเลขที่สูงมาก ดังนั้นต้องดูว่ารัฐบาลใหม่เข้ามาจะใช้นโยบายการเงินอย่างไร ซึ่งเป็นตัวสะท้อนเรื่องของอัตราดอกเบี้ย
|
|
|
|
|