กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม ยืนยันไม่ต่ออายุแน่
หลังหมดเทอมอีก 2 ปีข้างหน้า หลังเกิดความขัดแย้งระหว่างเธอกับกรรมการและประธานกรรมการบริหาร
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ ที่ต้องลาออกจากแบงก์อันดับ
1 ของไทย เพราะขัดแย้งกับฝ่ายบริหารคนอื่นๆ ของธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งนี้ กว่าทศวรรษที่ผ่านมา
ซึ่งเป็นชะตากรรมเดียวกับที่คุณหญิงชฎา ประสบมาตลอด ด้วยรูปแบบการทำงานที่ต่างกัน
ขณะที่คุณหญิงชฎาถือว่านายวิชิตล้วงลูกการทำงานของเธอ
ขณะที่ปัจจุบัน ธนาคารกำลังสร้างฐานธุรกิจให้แข็งแกร่ง เพื่อให้อายุยืนยาวกว่าร้อยปี
โดยล่าสุด ดึงตัวนางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ อดีตรองประธานและกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายผลิต
ภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล บริษัท ยูนิลีเวอร์ไทย เทรดดิ้งส์ จำกัด ในเครือกลุ่มยูนิลีเวอร์จากแดนมะกัน
เป็นกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และกรรมการบริหารธนาคาร เพื่อร่วมสร้างฐานธนาคารให้แข็งแกร่ง
โดยเฉพาะด้านการตลาด เจาะขยายฐานลูกค้าทุกกล่ม รวมถึงการ ปรับรูปแบบโลโก้ใบโพธิ์เดิม
แต่เน้นสีใหม่ ส่วนหนี้เน่าธนาคารปัจจุบันเหลือประมาณแสนล้านบาท ลดมากกว่าครึ่งจาก
2 ปีที่แล้วที่สูงถึง 2.5 แสนล้านบาท แต่กว่า 80% อาจต้องส่งฟ้องศาล
ธนาคารไทยพาณิชย์ แบงก์ใหญ่อันดับ 4 ของไทย ที่คนไทยยังคงความเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
ผ่าน สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่เปิดดำเนินการตั้งแต่สมัยรัชกาลที่
5 ถึงปัจจุบันกว่า 91 ปีแล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลงและต้องฝ่ามรสุมลูกแล้วลูกเล่า
ตลอด เวลาเกือบศตวรรษที่ผ่านมา
แบงก์ใบโพธิ์ไม่จำเป็นต้องขายหุ้นให้ฝรั่งช่วงปี 2543
ช่วงหนักที่สุดคือ ระหว่างวิกฤติเศรษฐกิจไทยปี 2540 ที่คุณหญิงชฎา ซึ่งดำรงตำแหน่ง
"เบอร์ 2" ในธนาคารแห่งนี้ กว่า 4 ปีแล้ว หลังจากนายโอฬาร ไชยประวัติหมดเทอม
กล่าวว่าที่จริงธนาคารไทยพาณิชย์แทบไม่ต้องเพิ่มทุน และขายหุ้นล็อตใหญ่ให้ฝรั่งช่วงปี
2543 ซึ่งขณะนั้นอดีตกรรมการ ผู้จัดการใหญ่แบงก์ใหญ่อันดับ 4 ของไทยแห่งนี้ นายธารินทร์
นิมมานเหมินทร์ เป็นรัฐมนตรีคลัง สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ แต่เธอกล่าวว่า ไม่ใช่ความผิดของอดีตรัฐมนตรีคลังผู้นี้
คุณหญิงชฎากล่าวว่า ช่วงนั้น ธนาคารไทยพาณิชย์ต้องเร่งสร้างฐานเงินทุนให้แข็งแกร่ง
โดยการหาแหล่งเงินทุนใหม่ ช่วงปี 2542 เพื่อเพิ่มทุนธนาคารครั้งใหญ่ ตามคำสั่งกระทรวงการ
คลังยุคนั้น โดยการขายหุ้นเพิ่มทุนให้นักลงทุนต่างชาติ-ไทย น่าเสียดายว่า หากกระทรวงการ
คลังขณะนั้นให้เวลาธนาคารอีกสักหน่อย เราคง ไม่ต้องเร่งเพิ่มทุน ขายหุ้น ทั้งหุ้นสามัญและวอรแรนต์
มากขนาดนั้น
ขณะที่ช่วงนั้น ทุกฝ่าย รวมทั้งรัฐบาล ประเมินผิดพลาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวภาย
ใน 3 ปี นับจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ขณะที่ ธนาคารไทยพาณิชย์เริ่มตัดธุรกิจต่างประเทศ
ที่ ขยายตัวอย่างมากช่วงนายโอฬารเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ที่คุณหญิงชฎายอมรับว่า
ธนาคาร ไม่ถนัดธุรกิจส่วนนี้ ขณะที่บทบาทที่จะดึงนักลงทุนต่างประเทศเข้าไทย เช่นอดีต
ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
เพราะรัฐบาลไทยสามารถใช้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และติดต่อผ่านสำนักงานการค้าต่างประเทศ
ของ ประเทศต่างๆ ในไทยได้อยู่แล้ว
โดยปิดสำนักงานตัวแทนในนิวยอร์ก และลอนดอน แต่ยังคงสำนักงานในฮ่องกง และสิงคโปร์
เพราะมองว่า 2 ประเทศหลัง เป็น ศูนย์กลางการเงินภูมิภาคนี้ ที่ธนาคารยังใช้ประโยชน์ได้ดี
ที่จะทำธุรกิจกับส่วนอื่นๆ ของ โลก
วางมือปี 2548
คุณหญิงชฎา กล่าวด้วยสิหน้าขึงขังจริง จังว่า อีก 2 ปีข้างหน้า เมื่อเธออายุ
58 ปี เธอ จะวางมือตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคาร ไทยพาณิชย์ เพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นเป็นแทน
"ดีฉันหวังว่า คงมีโอกาสแนะนำทายาท (ตำแหน่ง นี้) ให้คณะกรรมการธนาคารพิจารณา"
โดยเธอพยายามพูดตลอดเวลาว่า ไม่มีความขัดแย้งระหว่างเธอกับนายวิชิต สุรพงษ์ชัย
กรรมการ และประธานกรรมการบริหารธนาคาร ไทยพาณิชย์ ขณะที่พยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงนายวิชิต
ซึ่งเคยพยายามที่จะยกเลิกการใช้สัญลักษณ์รูปใบโพธิ์ ที่เป็นสัญลักษณ์พระราชทานจากรัชกาลที่
5 ที่อยู่คู่ธนาคารแห่ง นี้มาเกือบร้อยปี แต่พนักงานธนาคารต่อต้าน จน ต้องยกเลิกนโยบายนี้ในที่สุด
คุณหญิงชฎากล่าวว่า นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา นายก กรรมการธนาคารไทยพาณิชย์
และผู้อำนวยการ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็น ผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล
โดยพยายามเน้นให้ธนาคารใช้ระบบบรรษัทภิบาลที่ดี (Good Corporate Governance) เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้บริษัทธุรกิจในไทยถือเป็นแบบอย่าง
สร้างฐานธุรกิจให้ธนาคารคงอยู่มากกว่าร้อยปี
คุณหญิงชฎากล่าวว่า ธนาคารกำลังเร่งสร้างฐานธุรกิจใหม่ เพื่อให้ธนาคารใหญ่อันดับ
4 ของไทยแห่งนี้ คงอยู่ ด้วยความมั่นคงกว่าร้อยปี ด้วยส่วนแบ่งตลาดเงินปัจจุบันกว่า
13% ทำให้ธนาคารไทยพาณิชย์ต้องขยายบริการเพื่อลูกค้าทุกกลุ่ม รวมถึงบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่
เอสเอ็มอี บุคคล และรายย่อย ด้วยนโยบาย "เราจะเป็นธนาคาร....ที่ลูกค้า ผู้ถือหุ้น
และพนักงานเลือก" รวมถึงการปรับสีโลโก้ใบโพธิ์ใหม่
หวังดึงลูกค้ารายย่อยสร้างรายได้ 50%
"ด้วยประชากรกว่า 62 ล้านคนทั่วประเทศ เราเชื่อว่าฐานลูกค้าใหญ่พอ" คุณหญิงชฎากล่าว
โดยขณะนี้ ธนาคารกำลังเร่งปรับปรุงรูปโฉมธนาคารทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อดึงดูดลูกค้า
โดยเฉพาะลูกค้าบุคคลและรายย่อย ที่ขณะนี้สร้างรายได้ให้ธนาคารประมาณ 25% ของรายได้
ธนาคารทั้งหมด ใช้บริการกับธนาคารเป็นประจำ เป้าหมายคือรายได้ลูกค้าส่วนนี้ประมาณ
50% หนี้เน่า 8 หมื่นล้านบาทหินสุด
ด้านหนี้เน่า (เอ็นพีแอล) ปัจจุบันธนาคารมีหนี้ส่วนนี้ประมาณแสนล้านบาท ที่ประมาณ
80% เป็นส่วนที่เป็นปัญหาที่ต้องฟ้องร้องต่อศาล เพราะเป็นส่วนที่แก้ปัญหายากที่สุด
ซึ่งลดจากช่วงสูงสุดกว่า 2 ปีที่แล้ว ที่ 2.5 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ยังดึงตัวนางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ อดีตรองประธานและกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายผลิต
ภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล บริษัท ยูนิลีเวอร์ไทย เทรดดิ้งส์ จำกัด ในเครือกลุ่มยูนิลีเวอร์จากแดนมะกัน
เป็นกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และกรรมการบริหารธนาคาร เพื่อร่วมสร้างฐานธนาคารให้แข็งแกร่ง
โดยเฉพาะด้านการตลาด เจาะขยายฐานลูกค้าทุกกล่ม