|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ค่ายรถยักษ์จากอินเดีย “ทาทา” จับมือ “ธนบุรีประกอบรถยนต์” เปิดตัวลุยตลาดไทย และชูเป็นฐานการผลิตสำหรับอาเซียน ประเดิมรุกตลาดปิกอัพมีนาคมปีหน้า ด้วยเงินลงทุนกว่า 1.3 พันล้านบาท เผยตั้งเป้า 5 ปี ครองส่วนแบ่ง 5% ประกาศพร้อมรุกทุกเซกเม้นท์ ล่าสุดยืนความจำนงขอร่วมโครงการอีโคคาร์แล้ว ขณะที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป ผ่านไป 8 วัน ยอดจองรถในงานเทียบกับปีที่แล้วพุ่ง 11.6%
ลงทุนผลิตปิกอัพ 1.3 พันล้าน
นายอาจิต เวนคาทารามัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในการแถลงข่าวเปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทยเมื่อวานนี้ (6 ธ.ค.) ว่า ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ทาทา มอเตอร์ส ประเทศอินเดีย กับบริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ ในอัตราส่วน 70 :30 เพื่อประกอบและทำตลาดรถยนต์ทาทาในไทย
“เราได้ลงทุนร่วมกัน 1.3 พันล้านบาท เพื่อขึ้นไลน์ประกอบปิกอัพทาทา เป็นโมเดลแรกสำหรับทำตลาดในไทย ซึ่งจะเริ่มเปิดตัวประมาณเดือนมีนาคมปีหน้า และตั้งใจว่าจะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถ สำหรับภูมิภาคอาเซียนในอนาคต รวมถึงมีแผนที่จะมีผลิตภัณฑ์ไลน์ต่างๆ ที่น่าสนใจอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งล่าสุดนอกจากปิกอัพแล้ว ทาทา มอเตอร์ส ได้ยื่นความจำนงกับรัฐบาลไทย ที่จะรวมโครงการผลิตรถยนต์นั่งประหยัดพลังงาน หรืออีโคคาร์ด้วย”
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทาทาจะเริ่มจากการผลิตปิกอัพ 1 ตัน โดยได้มีการขึ้นไลน์ผลิตในไทยใหม่หมด ในพื้นที่ของบริษัทธนบุรีประกอบรถยนต์ จังหวัดสมุทรปราการ ด้วยกำลังการผลิตอยู่ที่ปีละกว่า 3.5 หมื่นคันต่อปี ซึ่งเบื้องต้นใช้ชิ้นส่วนประกอบในประเทศไทยประมาณ 45% และอีกไม่นานก็จะเพิ่มเป็น 50% โดยปัจจุบันมีซัพพลายเออร์ในไทยกว่า 40 ราย ซึ่งนอกจากจะผลิตชิ้นส่วนสนับสนุนทาทาในไทยแล้ว ยังได้มีการสั่งซื้อชิ้นส่วนส่งโรงงานทาทาที่อินเดียเช่นกัน
ตั้งเป้า 5 ปี ครองแชร์ปิกอัพ 5%
นายอาจิตกล่าวว่า แม้ตลาดรถยนต์ไทยจะมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และทำตลาดมานานหลายยี่ห้อ แต่ทาทาก็มีความมั่นใจ เพราะการที่จะผลิตรถออกมาแต่ละรุ่น ได้ให้ความสำคัญกับผู้บริโภคเป็นอันดับแรก จึงมีการสำรวจความต้องการ และผลิตรถออกมาตอบสนองผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ซึ่งจุดเด่นของปิกอัพทาทาอยู่ที่เรื่องของดีไซน์ สมรรถนะการขับขี่ รวมถึงเครื่องยนต์คอมมอนเรล เจนเนอเรชั่น 2
“จากการมุ่งตอบสนองตามความต้องการของลูกค้า จึงมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งปิกอัพที่ทำตลาดจะมีทั้งแบบมาตรฐาน มีแค็บ และดับเบิลแค็ป พร้อมเครื่องยนต์ให้เลือกทั้ง 2.2 และ 3.0 ลิตร คอมมอนเรล โดยเบื้องต้นตั้งเป้ายอดขายตลอดทั้งปีประมาณ 5 พันคน และตั้งเป้าภายใน 5 ปี ทาทาจะมีส่วนแบ่งในตลาดปิกอัพ 5%”
ในส่วนของเครือข่ายการจำหน่าย คาดว่าเดือนมีนาคมจะสามารถเปิดให้บริการได้ประมาณ 20-25 ราย ครอบคลุมตามกลุ่มเป้าหมายของทาทา ซึ่งจะกระจายทั่วประเทศ และที่สำคัญช่วงแรกหากรถของลูกค้าเกิดปัญหาในพื้นที่จังหวัดไม่มีศูนย์บริการ ทาทามีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ฉะนั้นลูกค้าที่ซื้อรถจากทาทาไม่ต้องกลัวปัญหาการเข้าศูนย์บริการแต่อย่างใด
ประกาศพร้อมลุยทุกเซกเม้นท์
นายอาจิตกล่าวต่อว่า ทาทาเข้ามาลงทุนในไทยมองความมั่นคงระยะยาว ฉะนั้นการดำเนินงานทุกอย่างจึงไม่ได้มองที่ตัวเลขระยะสั้น โดยเฉพาะการใช้ไทยเป็นฐานผลิตรถ ซึ่งเบื้องต้นจะต้องผลักดันให้ปิกอัพของทาทาประสบความสำเร็จ และก็มีความพร้อมที่จะผลิตรถยนต์ประเภทอื่นๆ ด้วย เพราะทาทามีรถยนต์ที่หลากหลายแทบจะทุกประเภท ตั้งแต่รถยนต์นั่ง รถบรรทุกขนาดเล็ก ไปจนถึงรถขนาดใหญ่
“ล่าสุดทาทา มอเตอร์ส เพิ่งยื่นแสดงเจตจำนงขอร่วมโครงการอีโคคาร์ พร้อมกับรายละเอียดแผนปฏิบัติการเรียบร้อย แต่ขณะนี้ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพียงแต่ทาทามีความพร้อมทำตามเงื่อนไขอีโคคาร์ที่รัฐบาลไทยกำหนดทุกอย่าง”นายอาจิตกล่าว
มอเตอร์เอ็กซ์โปยอดจองพุ่ง
นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล และประธานจัดงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 24 เปิดเผยว่า ตัวเลขยอดจองรถยนต์ภายในงาน 8 วันแรก หรือตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. – 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา มียอดจองไปแล้วทั้งสิ้น 8,945 คัน คิดเป็นยอดที่เพิ่มขึ้น 11.6% เมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียวกัน
ทั้งนี้จากยอดจองที่เพิ่มขึ้น เป็นสัญญาณว่าลูกค้าในระดับบีบวก มีความกล้าในการใช้เงินจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นแล้ว โดยผู้ประกอบการที่ทำยอดจองมากกว่า 1 พันคันมี 4 ราย ประกอบด้วย โตโยต้า 2,467 คัน อีซูซุ 1,278 คัน ฮอนด้า 1,181 คันและเชฟโรเลต 1,125 คัน
ส่วนจำนวนผู้เข้าชมงานในช่วงเวลาดังกล่าว มีการเติบโตขึ้น 5.3% ซึ่งเชื่อว่าเป้าจำนวนผู้เข้าชมที่วางไว้ 1.6 ล้านคนน่าจะทำได้เกินเป้าหมาย ขณะที่ยอดจองรถในงานที่เคยตั้งเป้าไว้ 1.7 หมื่นคัน ในปีนี้น่าจะเห็นการเติบโตที่เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 10% หรือคิดเป็นยอด 1.87 หมื่นคัน คาดว่าจะมีเงินสะพัดประมาณ 2 หมื่นล้านบาท และกลุ่มอุปกรณ์ตกแต่งอีกประมาณ 3 พันล้านบาท
|
|
|
|
|