"ทีพีไอโพลีน" ดิ้นขอขยายเวลาฟื้นฟูกิจการอีก 1 ปี ยื่นคำร้องขอศาลล้มละลายกลางยืดจนถึงสิ้นปี 2551 หลังไม่สามารถจัดหาเงินกู้มารีไฟแนนซ์หนี้กว่า 8,700 ล้านบาทได้ทันภายในสิ้นปีนี้ ด้านผู้บริหารมั่นใจศาลอนุมัติตามคำร้อง ระบุแผนแบ่งทยอยชำระหนี้รายไตรมาสละ 10-12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และรีไฟแนนซ์หนี้ที่เหลืออีก 6 พันล้านบาท

แหล่งข่าวจากบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท ว่า ขณะนี้บริษัทได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการฟื้นฟูกิจการของบริษัทที่กำลังจะสิ้นสุดสิ้นปีนี้ออกไปเป็นวันที่ 31 ธ.ค. 2551 ต่อศาลล้มละลายกลางเมื่อเร็วๆ นี้ หลังจากคณะกรรมการเจ้าหนี้บริษัทได้มีมติเห็นชอบในการขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปอีก 1 ปี หลังจากบริษัทไม่สามารถจัดหาแหล่งเงินกู้เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้ที่เหลือได้ทันภายในปีนี้

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าศาลล้มละลายกลางคงพิจารณาอนุมัติการขยายเวลาการฟื้นฟูกิจการออกไป จากปัจจุบันบริษัทมีหนี้สินรวมทั้งสิ้นประมาณ 8,700 กว่าล้านบาท โดยจะทยอยชำระหนี้รายไตรมาสละ 10-12 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะมีการรีไฟแนนซ์หนี้ที่เหลือประมาณ 6,000 กว่าล้านบาท โดยการกู้ยืมจากสถาบันการเงินทั้งไทยและต่างประเทศ

นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการนำความร้อนจากเตาเผามาผลิตไฟฟ้า 36 เมกะวัตต์ มูลค่าเงินลงทุนทั้งโครงการ 1.2 พันล้านบาท ซึ่งเจ้าหนี้ได้อนุมัติการลงทุนในโครงการดังกล่าวแล้ว คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จในปลายปี 2551 โครงการดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนการผลิตลงปีละ 360-500 ล้านบาท ซึ่งจะปรากฏในงบการเงินทีพีไอโพลีนในปี 2552

ส่วนโครงการก่อสร้างโรงปูนซีเมนต์แห่งที่ 4 ซึ่งบริษัทได้ลงทุนไปแล้ว 75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3 พันล้านบาทนั้น คงต้องเลื่อนออกไปจนกว่าบริษัทฯจะดำเนินรีไฟแนนซ์หนี้แล้วเสร็จก่อน เพราะต้องผ่านความเห็นชอบจากเจ้าหนี้ในการลงทุนโครงการนี้

ด้านผลกระทบจากกรณีที่ศาลอาญามีคำพิพากษาลงทุนและปรับทีพีไอโพลีน และนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการบมจ.ทีพีไอโพลีน นั้น นางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บมจ. ทีพีไอโพลีน ได้ชี้แจงก่อนหน้านี้ว่า บริษัทพร้อมจะยื่นคัดค้านคำพิพากษาศาลอาญาต่อศาลสูงต่อไป เพราะไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาดังกล่าว แม้ว่าบริษัทจะเคารพต่อคำพิพากษาของศาลอาญา

ขณะเดียวกัน คำพิพากษาดังกล่าวไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการบริหารงานและการดำเนินธุรกิจของทีพีไอโพลีนแต่อย่างใด รวมทั้งบริษัทยังไม่ต้องชำระค่าปรับใดๆ ทั้งสิ้น เว้นแต่คดีจะถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิดจริง

ด้านผลการดำเนินงานล่าสุด ประจำงวดไตรมาส 3 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 นั้น ทีพีไอโพลีนมีกำไรสุทธิ 449.48 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.23 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 735.56 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.56 บาท ขณะที่งวด 9 เดือน กำไรสุทธิ 2,096.33 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.05 บาท ลดลงจากปีก่อนที่กำไรสุทธิ 2,207.66 ล้านบาท และกำไรสุทธิต่อหุ้น 2.29 บาท