Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน7 ธันวาคม 2550
แบล็คฯชี้ตลาดกาแฟอืด ผุดร้านไอศกรีมเจลานิโต้ ดันมายเบรดเข้าปั๊มปตท.             
 


   
www resources

โฮมเพจ แบล็คแคนยอน

   
search resources

แบล็คแคนยอน (ประเทศไทย), บจก.
Coffee
กรรณิการ์ ชินประสิทธิ์ชัย




ตลาดร้านกาแฟพรีเมี่ยมถึงจุดเปลี่ยน แข่งหนัก ต้นทุนพุ่ง แบล็คแคนยอนชี้เทรนด์ต้องปรับตัว เพิ่มแบรนด์ใหม่ ขยายช่องทางใหม่เพิ่มขึ้น เล็งปั้นร้านไอศกรีมเจลานิโต้ พร้อมดันมายเบรดเข้าปตท. ขยายฐาน

นางกรรณิการ์ ชินประสิทธิ์ชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แบล็คแคนยอน (ประเทศไทย ) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดร้านกาแฟพรีเมี่ยมในปัจจุบันเติบโตลดลง เพราะมีผู้ประกอบการเข้ามาลงทุนมากกว่าในอดีต และการแข่งขันก็เริ่มรุนแรงจากคู่แข่งที่มากขึ้น เศรษฐกิจชะลอตัวลงกำลังซื้อลดลง อีกทั้งต้นทุนการดำเนินธุรกิจก็สูงขึ้นเนื่องมจากต้นทุนวัตถุดิบต่างๆที่ปรับราคาเช่น นม เมล็ดกาแฟ เป็นต้น ทำให้บางรายมีการปรับราคาขึ้นบ้างแล้วกว่า 20% ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ส่งผลให้บางรายก็เลิกกิจการไปบ้างแล้วหรือชะลอการขยายธุรกิจลง

สำหรับตลาดรวมกาแฟในไทยมีมูลค่า 25,600 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 6-7% แบ่งเป็น ตลาดกาแฟผงสำเร็จรูป 12,000 ล้านบาท เติบโต 5.3% ตลาดร้านกาแฟพรีเมี่ยม มูลค่า 5,100 ล้านบาท เติบโตน้อยสุดที่ 4.1% ส่วนตลาดกาแฟอาร์ทีดีมูลค่า 8,500 ล้านบาท เติบโตมากที่สุด 14% ทั้งนี้ในอดีตช่วงปี 2545-2547 ที่เป็นยุคบูมของร้านกาแฟพรีเมี่ยมมีการเติบโตเฉลี่ย 15-20% แต่ปัจจุบันเหลือแค่ไม่เกิน 5% เท่านั้น

ดังนั้นกลยุทธ์ในการทำธุรกิจของบริษัทฯ คือ ต้องสร้างการเติบโตจากทั้งสาขาเดิมและขยายสาขาใหม่เพื่อเข้าถึงตลาดมากขึ้น การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ๆเข้าสู่ตลาด รวมทั้งการขยายช่องทางใหม่ๆ ซึ่งขณะนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างบ้างแล้ว เช่น แผนการเปิดร้านไอศกรีมแบรนด์ใหม่เข้าสู่ตลาด คาดว่าจะใช้ชื่อ "เจลานิโต้" เป็นไอศกรีมสไตล์อิตาลี ซึ่งจะเปิดเป็นชอปต่างหากออกมาภายในต้นปีหน้า ซึ่งปัจุบันเปิดเป็นตู้บริการที่ขายอยู่ในร้านกาแฟคาเฟ่เนโรเท่านั้นทุกสาขา ยกเว้นที่เชียงใหม่ ทั้งนี้บริษัทฯมีความพร้อมที่จะผลิตไอศกรีมเองได้แล้วในปีหน้า

ขณะที่แบรนด์ร้าน มายเบรด ที่เป็นร้านขายเบเกอรี่และเครื่องดื่ม นั้น ที่ผ่านมาเปิดเป็นร้านที่ตั้งติดกับร้านแบล็คแคนยอนเป็นหลัก เพื่อเสริมบริการซึ่งกันและกันโดยเปิดบริการแล้วรวม 50 กว่าสาขา ขณะนี้เริ่มแตกตัวออกไปสู่ช่องทางใหม่ๆ โดยร้านมายเบรดได้เข้าไปเปิดสาขาในปั๊มน้ำมันปตท.แล้วเป็นสาขาแรกที่ ปตท.ร่มเกล้า แต่ว่าร้านมายเบรดในปตท.นี้ไม่สามารถที่จะจำหน่ายกาแฟได้ เนื่องจากปตท.มีร้านกาแฟอะเมซอนเปิดบริการอยู่แล้ว

ปัจจุบันแบล็คแคนยอน มีสาขาในเครือเปิดบริการรวมแล้ว 191 สาขา แบ่งเป็น ร้านแบล็คแคนยอนในไทย 60 สาขา , ร้านแบล็คแคนยอนในต่างประเทศซึ่งเป็นแฟรนไชส์ทั้งหมด 24 สาขา และร้านคาเฟ่เนโร่ในไทยทั้งหมด 7 สาขา (ทั้งนี้เมื่อแยกรูปแบบจะเป็นของบริษัทฯ 75 สาขา แฟรนไชส์ 92 สาขา และในต่างประเทศ 24 สาขา)

ทั้งนี้แผนลงทุนปีหน้านั้นยังคงเน้นการเปิดสาขาของแบล็คแคนยอนเป็นหลักแต่จะมีการลดขนาดพื้นที่ลงบ้างเพื่อสะดวกต่อการหาทำเลและลงทุนน้อยลง จากเดิมต้องใช้มากถึง 130-150 ตารางเมตรต่อสาขา ลงทุนเฉลี่ย 4 ล้านบาทต่อสาขา อาจจะเหลือเพียง 50 ตารางเมตรลงทุนเฉลี่ย 1-2 ล้านบาทต่อสาขา แล้วแต่ทำเลและความเหมาะสม โดยคาดว่าจะเปิดเพิ่มอีกประมาณ 15 สาขา แบ่งเป็นลงทุนเองและแฟรนไชส์เท่ากัน ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าเปิดอีก 15 สาขาแต่ก็เปิดไปแล้ว 20 กว่าสาขาเกินเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งสาขาใหม่ๆเตรียมเปิดจากนี้คือ ที่เดอะคริสตัลพลาซ่าถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา และโรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นต้น ส่วนต่างประเทศเตรียมเปิดที่ อินเดีย ซึ่งคนไทยซื้อแฟรนไชส์ไปเปิด

นางกรรณิการ์กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายการเติบโตขึ้นประมาณ 10-15% จากปีที่แล้วที่มียอดรายได้เฉพาะสาขาของบริษัทฯประมาณ 600 ล้านบาท แต่หากรวมของแฟรนไชส์ด้วยจะอยู่ที่ 900 กว่าล้านบาท สัดส่วนรายได้อยู่ที่ กาแฟและอาหารเท่ากัน 50% ซึ่งปีนี้บริษัทฯยังไม่มีการปรับราคา แต่ปีหน้าอยู่ระหว่างการพิจารณารวมทั้งการกำหนดเมนูใหม่ด้วย ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายของลูกค้าขณะนี้อยู่ที่ 130 บาทต่อบิลต่อครั้ง

"ปีหน้าบริษัทฯจะเน้นการทำซีอาร์เอ็มมากขึ้นและทำกิจกรรมมากขึ้นด้วย ปัจจุบันมีฐานสมาชิก 70,000 รายเพิ่มจากปีที่แล้วที่มี 40,000 ราย โดยล่าสุดได้จัดแคมเปญ WOW Christmas Coffee เป็นกาแฟ 3 รสชาติใหม่ และโปรโมชั่นต่างๆ ใช้งบตลาด 2 ล้านบาท คาดยอดขายช่วงนี้เพิ่มขึ้น 15%" นางกรรณิการ์กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us