เกียรตินาคินเผยแผนเงินฝากปีหน้าเน้นระดมเงินระยะยาว หันเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางที่มีเงินฝากตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป ตั้งเป้าฐานลูกค้าเงินฝากเพิ่ม 7% ดันฐานเงินฝากแตะ 90,000 ล้านบาท รับตลาดเงินฝากแข่งขันสูง ชี้แนวโน้มดอกเบี้ยเงินฝากทั้งระบบปีหน้ามีโอกาสขยับขึ้น 0.50-1.00% ส่วนเงินกู้รอปรับขึ้นตาม

นางสาวฐิตินันท์ วัธนเวคิน ประธานสายธุรกิจเงินฝากและการตลาด ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KK เปิดเผยว่า ในปีหน้าธนาคารจะเน้นการระดมเงินจากกลุ่มลูกค้าเงินฝากมากขึ้นด้วยการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากระยะยาว จากปัจจุบันที่เน้นเงินฝากระสั้น โดยคาดว่าฐานลูกค้าเงินฝากจะเพิ่มขึ้นอีก 2,000-3,000 บัญชีในปีหน้าหรือเพิ่มขึ้น 7% ของฐานเงินฝาก ซึ่งจะทำให้ฐานเงินฝากเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 90,000 ล้านบาท จากภายในสิ้นปีนี้จะมีฐานลูกค้าเงินฝาก 8,000 บัญชี คิดเป็นมูลค่ารวม 70,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นลูกค้าเงินฝาก 70% ลูกค้าหุ้นกู้ 20% ที่เหลืออีก 10% เป็นลูกค้าที่ซื้อตั๋วบี/อี

สำหรับแผนการดำเนินงานในปีหน้าจะเน้นขยายฐานลูกค้าระดับกลาง ที่มีเงินฝากตั้งแต่ 500,000 บาทต่อบัญชีขึ้นไป โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ นักศึกษาและลูกค้าในวัยทำงานที่อยู่ในเขตกทม.และปริมณฑลมากขึ้น เพื่อปูทางสร้างฐานลูกค้าระยะยาวและให้เกิดความต่อเนื่องในการใช้บริการ เนื่องจากลูกค้ากลุ่มดังกล่าวมีขนาดใหญ่ และเป็นกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการทั้งในรูปแบบของเงินออมและการลงทุน

โดยในปีนี้ธนาคารเน้นออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย เช่น การออกหุ้นกู้ ออกตั๋วบี/อี ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 3.5% เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าในช่วงดอกเบี้ยขาลง นอกจากนี้ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาธนาคารยังได้เปิดให้บริการเงินฝากระยะยาว 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.65% เพื่อเพิ่มระยะเวลาในการออมเงินให้กับลูกค้าได้ออมเงินนานขึ้นจากปกติที่ให้บริการเงินฝากระยะยาวระยะเวลาเพียง 1 ปี คาดว่าจะทำให้ยอดเงินฝากจะเพิ่มขึ้นอีก 1,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาตลาดเงินฝากมีการแข่งขันค่อนข้างสูง ซึ่งธนาคารได้ปรับกลยุทธ์รองรับการแข่งขันโดยให้ความสำคัญกับลูกค้าขนาดกลาง จากเดิมที่เน้นลูกค้ารายใหญ่เป็นหลัก ขณะเดียวกันยังปรับรูปแบบบริการให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย

“ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยในไทยถือว่าต่ำสุดแล้ว โดยแนวโน้มดอกเบี้ยระยะสั้นคาดว่าจะแกว่งตัวตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ แต่ในระยะกลางเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้น โดยคาดว่าในปีหน้าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในระบบน่าจะปรับขึ้นประมาณ 0.50-1.00% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ก็จะปรับเพิ่มขึ้นตามมา” นางสาวฐิตินันท์กล่าว