Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน6 ธันวาคม 2550
บสก.ตั้งสำรอง IAS39 เพิ่มพันล้าน รับมือเอ็นพีแอลปีหน้าส่อแววเพิ่ม             
 


   
search resources

บรรษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์การ - BAM
บรรยง วิเศษมงคลชัย
Loan




บสก.ชี้ปีหน้าสัญญาณเอ็นพีแอลทั้งระบบจะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยราคาบ้านใหม่ขยับขึ้นแน่นอน จากราคาน้ำมันที่ยังคงมีการปรับตัวสูงขึ้น ยืนยันไทยไม่เกิดภาวะฟองสบู่แตกซ้ำรอยเดิม เพราะการเก็งกำไรอสังหาฯตอนนี้มีแค่เฉพาะจุด ส่วนดอกเบี้ยขาขึ้นไม่กระทบลูกค้าเงินผ่อน ตั้งเป้าปีหน้าโกยรายได้ 10,800 ล้านบาท และตั้งสำรองIAS39 เพิ่มอีก 1,000 ล้านบาท หลังปีนี้ตั้งไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท

นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) เปิดเผยว่า สัญญาณหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในปีหน้าของตลาดรวม มีแนวโน้มมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากจะยังมีปัจจัยลบเข้ามากดดัน เช่น ราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเริ่มมีการปรับตัวขึ้นหลังจากไตรมาสแรกของปีหน้า รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่จะขยับสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงค่าเงินบาทที่จะยังคงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับปีนี้

โดยจากปัจจัยดังกล่าวยังส่งผลให้ในปีหน้าราคาบ้านใหม่จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากอัตราค่าแรงงาน ค่าวัสดุก่อสร้างจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ บสก.สามารถบุกตลาดบ้านมือสองที่ปรับปรุงพร้อมอยู่และขายได้ง่ายขึ้น ส่วนโอกาสที่จะเกิดภาวะฟองสบู่แตกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยนั้นคงไม่มีให้เห็น เนื่องจากอสังหาฯที่ล้นตลาดและมีการเก็งกำไรอยู่ในขณะนี้มีเฉพาะในส่วนที่เป็นคอนโดมิเนียมเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่จะมีการเก็งกำไรและขายใบจองในทุกส่วนของภาคอสังหาฯ

ทั้งนี้จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นนั้นเชื่อว่าจะคงจะกระทบต่อลูกค้าลูกค้าแบบผ่อนชำระของ บสก. ซึ่งอัตราดอกเบี้ยจะอิงกับอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (เอ็มแอลอาร์) บ้างแต่ไม่มากนัก เนื่องจากแนวโน้มการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะเป็นแบบทยอยปรับครั้งละไม่เกิน 0.25% และระยะเวลาในการปรับขึ้นแต่ละครั้งจะค่อนข้างห่างกันพอสมควร เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภค รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ บสก.คิดนั้นจะเป็นแบบเอ็มแอลอาร์ – 3.00% ซึ่งถือว่าอยู่ในอัตราที่ถูกที่สุดในตลาด

อย่างไรก็ตามในปีหน้า บสก.จะพัฒนาในเรื่องของระบบการทำงานเพื่อพัฒนาฐานะให้มีความแข็งแกร่ง โดยจะเดินตามกฎระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ทั้งหมด ซึ่งในปีนี้ บสก. ได้มีการตั้งสำรองตามเกณฑ์ IAS39 ไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาทและปีหน้าจะสำรองอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ บสก.ในการเป็นองค์กรที่รับบริหารหนี้แบบถาวร และเป็นการรองรับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

"การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นคงต้องดูหลายองค์ประกอบ เพราะหากปรับขึ้นแล้วจะทำให้คนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ส่วนของแบงก์ต่าง ๆ คงยังไม่ขึ้นเพราะตอนนี้สภาพคล่องยังมีอยู่เยอะ รวมถึงสภาวะการแข่งขันยังคงรุนแรง ทำให้สิ้นปีนี้คงยังไม่เห็นดอกเบี้ยขึ้น แต่ปีหน้าอาจจะเริ่มเห็นช่วงหลังไตรมาสแรกไปแล้ว" นายบรรยง กล่าว

นายบรรยง กล่าวอีกว่า สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานของ บสก.ในปีหน้านั้น เบื้องต้นคาดว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 10,600 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะต้องมีการเสนอไปยังกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ( FIDF) อีกครั้งในเดือนมกราคม รวมถึงจะมีการเสนอแผนงานและทิศทางการดำเนินงานของ บสก.ในอนาคตอีกด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 10,800-11,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่กองทุนฟื้นฟูฯ ได้ตั้งไว้ที่ 12,000 ล้านบาท จากปัจจุบันทำได้แล้ว 10,300 ล้านบาท โดยในปีนี้ได้มีการรับซื้อหนี้มาบริหารเกือบ 10,000 ล้านบาท โดยเป็นการรับซื้อสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) จากสมาคมธนาคารไทยประมาณ 4,000 ล้านบาท และในช่วงที่เหลือยังมีการเจรจาซื้อหนี้จากธนาคารนครหลวงไทยอีกประมาณ 4,000 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us