|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เรียลตี้เวิล์ดฯ ยอมรับบ้านมือสอง 11 เดือนอัตราการเติบโตติดลบ 10-15% เหตุแบงก์เข้มปล่อยกู้- การเมือง-เศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลลูกค้าชะลอตัดสินใจซื้อ แถมดอกเบี้ยเงินกู้ลดคนหันไปซื้อบ้านมือหนึ่งแทน หวังธ.ค. นี้ตลาดคึกคัก ผู้บริโภคเร่งซื้อ-โอนก่อนสิ้นสุดมาตรการส่งเสริมบ้านมือสองในสิ้นปีนี้ เชื่อยอดขายตลาดรวมไม่เกิน 60,000-70,000 หน่วย คาดปีหน้าตลาดรวมทรง พร้อมรับยอดขายเรียลตี้เวิล์ดฯ ต่ำกว่าเป้าค่อนข้างมาก
นายวิศิษฐ์ คุณาทรกุล ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เรียลตี้ เวิล์ด อัลไลแอนซ์ จำกัด กล่าวถึงตลาดบ้านมือสอง ว่า ในปีนี้ตลาดมีอัตราการเติบโตที่ติดลบจากปีที่ผ่านมา 10-15% เนื่องจากภาวะการชะลอการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะการเมือง การขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดทำให้ผู้บริโภคหันไปซื้อบ้านใหม่มากกว่าบ้านมือสอง
ทั้งนี้ ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาตลาดบ้านมือสองยังคงมีอัตราการขยายตัวต่ำกว่าประมาณการในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วงเดือนธันวาคมนี้ ตลาดบ้านมือสองจะคึกคักมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคที่ชะลอดูสถานการณ์ตลาด และแนวโน้มการเมือง เศรษฐกิจ ในช่วงก่อนหน้านี้ จะเร่งตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเร็วขึ้นเพราะในสิ้นปีนี้ มาตรการส่งเสริมตลาดบ้านมือสองที่รัฐบาลให้การสนับสนุนอยู่ขณะนี้จะสิ้นสุดลง
"เชื่อว่าด้วยเหตุผลที่มาตรการส่งเสริมตลาดบ้านมือสอง อาทิ การลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% ค่าจดจำนองจาก 1% ที่ลดเหลือ 0.01% ที่จะสิ้นสุดลงในช่วงสิ้นเดือน ธ.ค.นี้ จะส่งผลให้ลูกค้าเร่งซื้อบ้านและเร่งโอนก่อนสิ้นเดือน ธ.ค.นี้ และจะทำให้ยอดการซื้อขายบ้านมือสองในช่วงเดือนสุดท้ายนี้มียอดสูงขึ้นกว่าในทุกๆ เดือนที่ผ่านมา"
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการเร่งตัดสินใจซื้อและโอนบ้านในตลาดมบ้านมือสองก่อนสิ้นปี นี้แต่ก็ไม่ได้ทำให้อัตราการเติบโตของตลาดเป็นไปตามที่มีการคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากในช่วงนี้สถาบันการเงินมีการเข้มงวดในการพิจารณาปล่อยกู้ลูกค้ามากกว่าช่วงที่ผ่านๆมา โดยคาดว่าสิ้นปีนี้ ตลาดบ้านมือสองจะยังติดลบจากปีที่แล้วไม่ต่ำกว่า 10-15% หรือมียอดขายในตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 60,000 -70,000 หน่วย
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มตลาดบ้านมือสองในปี 51 นั้น คาดว่าจะทรงตัวเท่ากับในปี 50 นี้ เนื่องจาก อัตราดอกเบี้ยนั้นยังอยู่ในระดับต่ำ และแม้ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ก็คาดว่าไม่น่าจะมีการปรับขึ้นเกิน 0.5% ในปีหน้า ซึ่งการที่อัตราดอกเบี้ยยังต่ำนี้เอง ส่งผลให้ลูกค้าเลือกซื้อบ้านใหม่มากกว่าบ้านมือสองเพราะกำลังและความสามารถในการผ่อนค่างวดมีเพิ่มขึ้น
ส่วนแนวโน้มการปรับตัวของราคาวัสดุก่อสร้างในตลาด ที่มองว่าน่าจะส่งผลกระทบต่อราคาบ้านใหม่ให้ปรับสูงขึ้น จะส่งผลดีต่อบ้านมือสองนั้น เชื่อว่าในปีหน้าผู้ประกอบการทุกรายจะยังยืนราคาขายบ้านใหม่ในราคาเดิม โดยยอมลดกำไรลงเพื่อให้สามารถรักษายอดขายไว้ได้
ส่วนสาเหตุที่ผู้ประกอบการบ้านใหม่ไม่สามารถปรับราคาขายตามต้นทุนใหม่ได้นั้น เพราะในช่วงก่อนหน้านั้นผู้ประกอบการมีการปรับขึ้นราคาขายไปกอ่นหน้าแล้ว ทำให้ในปีหน้าผู้ประกอบการจะไม่สามารถปรับราคาขายเพิ่มได้อีกหรือเพิ่มได้น้อย แต่จะไปลดต้นทุนส่วนอื่นเพื่อรักษากำไรเอาไว้ แทนการปรับราคาขาย
"บ้านมือสองมีเครื่องมือในการทำตลาดที่ด้อยศักยภาพมากว่าบ้านใหม่ เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการมีกำไร หรือค่าคอมมิชชั่น จากการขายบ้านเพียง 3-4% ในขณะที่ผู้ประกอบการบ้านเดี่ยวมีกำไรจากการขายบ้านใหม่ 20-40% ทำให้สามารถทำโปรโมชันหรือให้ส่วนลดได้มากกว่าด้วย ดังนั้นข้อได้เปรียบของผู้ประกอบการบ้านจัดสรร จึงยังสูงกว่าบ้านมือสอง ทางเดียวที่ตลาดบ้านมือสองจะขยายตัวได้มากก็คือ กรณีที่ดอกเบี้ยปรับขึ้นมากๆ"
สำหรับปี 50 นี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 2,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้ยอดขายของบริษัทยังตกเป้าอยู่ค่อนข้ามมาก เนื่องจากผลกระทบดังกล่าวข้างต้น ส่วนในปีหน้าบริษัทตั้งเป้าจะมียอดขายเติบโตเท่าๆ กับปี 50 นี้ คือประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามจะต้องรอดูสถานการณ์ด้านการเมืองด้วยว่าจะมีทิศทางอย่างไร เพื่อจะได้ประมาณการยอดขายและตั้งเป้ายอดขายให้เหมาะสมกับสภาพตลาดอีกครั้งหนึ่ง
|
|
|
|
|