เมโทรสตาร์ฯเตรียมอ้าแขนรับกองทุนจากยุโรป ร่วมลงทุน ผ่านการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ เสริมศักยภาพโครงการให้เช่าขนาดใหญ่ ภายใต้ชื่อ "เมโทรสาทรทาวเวอร์" รวมถึงต่อยอดโครงการอื่นๆในปี51 พร้อมแต่งตั้งบลจ.ไอเอ็นจี บริหารกองทุนรวมอสังหาฯมูลค่าเบื้องต้น 2,300 ล้านบาท คาดจะยื่นไฟลิ่งได้ภายในอาทิตย์นี้ ระบุ 3โครงการใหม่ปีหน้า คอนโดมีเนียมล้วนๆ มูลค่าพันล้านเศษ
ปัจจุบันที่ดินในทำเลที่มีศักยภาพ นับวันจะเหลือน้อยลงทุกที โดยเฉพาะที่ดินในศูนย์กลางธุรกิจ(ซีบีดี) ที่มูลค่าจะขยับขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้โครงการที่ตั้งอยู่ในซีบีดี เช่น สาทร สีลม หรือสุขุมวิท เมื่อราคาตลาดและทำการประเมินโครงการในแต่ละปี มูลค่าจะเพิ่มขึ้นตาม ทำให้เจ้าของโครงการอสังหาฯปรับวิธีการพัฒนาโครงการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อบริษัทในอนาคต โดยอาจจะปรับจากโครงการเพื่อขายบางส่วนมาเป็นโครงการเพื่อเช่า เพื่อเสริมรายได้จากค่าเช่าให้แก่บริษัท ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจ
บริษัท เมโทร สตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ METRO ซึ่งโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เช่น โซนสาทร ซึ่งที่ผ่านมา ทางบริษัท ได้มีปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงการ สาทร เทอเรส จากโครงการคอนโดมิเนียมปรับเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ปัจจุบันใช้ชื่อว่า แมริออท เอ็กซ์คลูซีฟ ติดกับสถานฑูตออสเตรเลีย
นายรัตนชัย ผาตินาวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ฯ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการระดมทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ว่า ขณะนี้ได้แต่งตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ไอเอ็นจี (ประเทศไทย)จำกัด เป็นผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาฯ โดยจะนำโครงการแมริออท เอ็กซ์คลูซีฟ เข้ากองทุนฯ ซึ่งคาดว่าในอาทิตย์นี้จะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง) เพื่อนำกองทุนฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คาดว่ากองทุนฯจะมีมูลค่าประมาณ 2,300 ล้านบาท และจะเปิดขายภายในไตรมาสแรกของปี 2551
"ผลจากการระดมทุนผ่านกองทุนฯจะช่วยให้บริษัท มีความคล่องตัวในการดำเนินงาน และสามารถนำเงินไปชำหนี้ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ นำไปขยายลงทุนโครงการใหม่เพิ่มเติมในปีหน้า ซึ่งมีแผนลงทุนคอนโดฯ 3 โครงการ เน้นระดับกลาง คาดมูลค่าโครงการประมาณ1,000 ล้านบาทเศษ ขณะเดียวกัน การนำโครงการแมริออท เอ็กซ์คลูซีพ เข้ากองทุนฯทางบริษัทน่าจะบันทึกำไรจากรายการพิเศษได้ในปีหน้า "นายรัตนชัยกล่าวและว่า
ในส่วนของโครงการให้เช่าขนาดใหญ่ภายใต้ชื่อ เมโทร สาทร ทาวเวอร์ (ใกล้กับธนาคารหุ่นยนต์) ทางบริษัทกำลังหาผู้ร่วมทุนเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว ซึ่งแนวทางอาจจะตั้งบริษัทย่อยขึ้นมาใหม่ เพื่อเข้ามาดูแลโครงการเมโทร สาทร ทาวเวอร์ โดยขณะนี้กำลังเจรจากับกองทุนจากยุโรป และในเอเชีย เพื่อเข้าร่วมทุนในบริษัทย่อย คาดว่าจะได้ข้อในไม่ช้า
"เท่าที่พูดคุย ทางกองทุนจากยุโรปให้ความสนใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุน เพราะโครงการเมโทร สาทรทาวเวอร์ ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี และมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ทั้งนี้ สิ่งที่ทางกองทุนจากยุโรป พิจารณาอยู่ คือ เรื่องความเป็นไปได้ของการยกเลิกกันสำรอง 30% รวมถึงการมองรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ "
สำหรับโครงการเมโทร สาทร มูลค่าโครงการประมาณ 5,800 ล้านบาท ประกอบไปด้วยพื้นที่ให้เช่า แยกเป็นในส่วนร้านค้า (Shopping Center)พื้นที่ประมาณ 10,000 ตารางเมตร(ตร.ม.) อัตราค่าเช่าตร.ม.ละ 2,000 บาทขึ้นไป พื้นที่อาคารสำนักงานเกรดเอประมาณ 20,000 ตร.ม.อัตราค่าเช่า 700 บาทต่อตร.ม.ขึ้นไป ส่วนของเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ระดับหรูเพียง 77 ห้อง อัตราการเช่าประมาณ 1,200 บาทตร.ม.ขึ้นไป มีสปอร์ตคอมเพล็กซ์และที่จอดรถไว้รองรับลูกค้า ขณะที่บริษัทยังมีโครงการคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัยที่ชื่อ เซ็นต์หลุยส์ แกรนด์เทอเรส ที่เปิดขายไปก่อนหน้านี้ ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน
ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงการเพื่อเช่าเข้ามาในพอร์ตของบริษัทมากขึ้น จะส่งผลให้โครงสร้างรายได้ของบริษัทในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า รายได้จากการขายจะมาอยู่ที่ 70% และอีก 30% มาจากรายได้เพื่อเช่า และคาดว่าโครงการเมโทร สาทร ทาวเวอร์ จะให้ผลตอบแทนจากการให้เช่าตัวเลขกว่า 10% ภายใต้เงื่อนไขอัตราการเข้าใช้พื้นที่ต้องกว่า 80%
นายรัตนชัยกล่าวถึงแนวโน้มของผลการดำเนินงานว่า ในช่วง 11 เดือนแรก มียอดขายประมาณ 1,050 ล้านบาท จากก่อนหน้าปรับเป้าหมายยอดขายครั้งล่าสุดทั้งปีคาดจะทำได้ประมาณ 1,200 ล้านบาท (ก่อนหน้านี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ 2,000 ล้านบาท)
นอกจากนี้ ทางบริษัทกำลังปรับรูปแบบของโครงการคอนโดฯเมโทร อเวนิว รัชโยธิน ในส่วนของเฟสที่ 2 โดยการลดขนาดห้องให้เล็กลง จากขนาด 31 ตร.ม.ลงมาเหลือ 25 ตร.ม. เพื่อให้ราคาต่ำลงจาก 1.5 ล้านบาท ให้ราคาขายอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านบาทและสอดคล้องกับกำลังซื้อของลูกค้า
|