"พีซีที" ยุคใหม่ปี 2546 ลบจุดอ่อนอุปสรรคการดำเนินธุรกิจรอบด้าน ประกาศความพร้อมปรับกลยุทธ์เข้าสู่
"Customer Centric" พร้อมการปรับโครงข่ายครั้งใหญ่เพื่อต่อยอดธุรกิจ
หลังจากเงียบหายจากตลาดไปกว่าหนึ่งปี สาน แผนรุกตลาดครั้งใหม่ผ่าน 6 กลยุทธ์ หลักมุ่งสร้างความพึงพอใจลูกค้า
เร่ง ปรับคุณภาพโครงข่าย เจาะฐานลูก ค้าเฉพาะกลุ่ม เน้นสร้างบริการนอนวอยซ์ ปรับภาพลักษณ์ใหม่และเสาะหาพันธมิตรรายย่อย
เตรียมประเดิมปูพรมกระจายสินค้าทั่วกรุงเทพฯกว่า 5,000 จุด
นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการกลุ่ม SME Solution บริษัท เทเลคอมเอเซีย
คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) และรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอเซีย ไวร์เลส
คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ผู้ให้บริการโทรศัพท์บ้านยุคใหม่ (พีซีที) เปิดเผยว่านับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
2546 นี้เป็นต้นไป พีซีทีพร้อมที่จะกลับมาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ สู่ตลาด ที่ไม่ใช่การเน้นกลยุทธ์ด้านราคา
เพื่อแข่งขัน แต่จะพยายามสร้างความ แตกต่างอย่างชัดเจนสู่ตลาดผู้บริโภคที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของพีซีที
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ให้บริการสื่อสารไร้สายรายอื่นๆ
ที่สำคัญการผลักดันธุรกิจในช่วง ต่อไปนับจากนี้ พีซีทีได้ปรับกลยุทธ์เข้าสู่
Customer Centric Organization พร้อมๆ ไปกับการชูเรื่องการ ปรับโครงข่ายครั้งใหญ่เพื่อต่อยอดธุรกิจ
หลังจากเงียบหายจากตลาดไปกว่าหนึ่งปี ทั้งๆ ที่ผลการดำเนินงานที่ผ่านมายังดีอยู่
แม้ว่าอัตรการเติบโต จะชะลอตัว แต่รายได้ที่พีซีทีถือเป็นรายอันดับสองรองจากโทรศัพท์พื้นฐานในเครือทีเอ
การที่พีซีทีไม่มุ่งเน้นการสร้างฐานลูกค้าในปีที่ผ่านม เนื่องจากปัจจุบันผู้ใช้พีซีทีประมาณ
600,000 ราย แต่ระบบโครงข่ายส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็นโครงข่ายอัจฉริยะหรือ IN สามารถรองรับลูกค้าได้เพียง
500,000 ราย ทำให้ต้องมีการขยายโครงข่ายอัจฉริยะ ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2545 และเสร็จในไตรมาสแรกของปีนี้
ปัจจุบันพีซีทีได้ทำการโอน ย้ายฐานลูกค้าทั้งหมดไปที่โครงข่ายอัจฉริยะตัวใหม่
ส่งผลให้สามารถรองรับการเติบโตของลูกค้าได้ถึง 1 ล้านราย นอกจากนี้ IN ตัวใหม่ยังมีความสามารถพิเศษเพิ่มเติมอีกหลายด้านที่สามารถสนับสนุนการให้บริการที่หลากหลาย
และเป็นระบบที่เอื้ออำนวยให้บริการพีซีที ในลักษณะที่เป็น Total Customer Solution
อย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้ในปี 2545 ที่ผ่านมาเครือทีเอ ได้มีการพัฒนาระบบบิลลิ่งครั้งใหญ่ เพื่อรองรับการแข่งขันเสรี
ทำให้พีซีทีต้องชะลอแผนการตลาดบางอย่าง เพื่อให้สอดคล้องกับแผน การพัฒนาระบบบิลลิ่ง
จึงเป็นการเปิดโอกาสให้พีซีทีได้มีเวลาจัดการกับระบบหลังบ้าน ทั้งด้านบุคลากร ด้านองค์กร
ด้านการตลาด ด้านเครือข่ายและด้านการเงิน
รวมทั้งมีการศึกษาความต้อง การและพฤติกรรมของลูกค้าทั้งหมด เพื่อกำหนดรูปแบบบริการใหม่
ได้ตรง ตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มให้มากที่สุด ทั้งหมดจึงเป็นที่มาและความลงตัวในการปรับกลยุทธ์ของพีซีทีในปี
2546 ที่จะให้บริการในแบบ Customer Centric โดยอยู่บน พื้นฐานภายใต้ 6 กลยุทธ์หลัก
ที่มุ่งให้ความสำคัญด้านต่างๆ
ทั้งนี้ 6 กลยุทธ์หลักของพีซีที ประกอบด้วย กลยุทธ์ที่หนึ่งคือการมุ่งสร้าง Customer
Retention Program โดยอาศัยระบบซีอาร์เอ็มที่พัฒนาขึ้นเอง ทำให้พีซีทีมีข้อมูลของลูกค้าปัจจุบันครบทุกด้าน
สามารถนำ มากำหนดแผนการตลาดในกลุ่มลูกค้าเดิมได้อย่างเหมาะสม เพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้ใช้
ซึ่งผลที่ได้รับก็คือลูกค้ายังคงใช้งานอย่างต่อเนื่องและมีการใช้งานเพิ่มมากขึ้น
กลยุทธ์ที่สองเร่งปรับปรุงคุณภาพโครงข่ายทั้งระบบ เพื่อลบจุดอ่อน และอุปสรรคที่เกิดขึ้นมาตลอด
ส่งผล ให้พีซีทีสามารถขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่มขึ้น จากการติดตั้งสถานีลูกข่ายใน
ระบบใหม่ ซึ่งทางพีซีทีร่วมมือกับ UT Starcom รองรับการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง
64 กิโลบิตต่อวินาที ยกระดับความสูงของการติดตั้งสถานีลูกข่ายเดิมทั้งหมด ให้สัญญาณครอบ
คลุมพื้นที่ได้ดีขึ้น นำเทคโนโลยี Smart Antenna เข้ามาในพื้นที่ที่สัญญาณไม่ดี
ทำให้จุดบอดสัญญาณ ทั้งภายในและภายนอกอาคารหมด ไป
"เราพร้อมที่จะยายพื้นที่ให้บริการพีซีทีให้กว้างขวางครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลมากยิ่งขึ้น
เป้าหมายคือให้พีซีทีมีคุณภาพดี สัญญาณเสียงคมชัด ไม่มีจุดอับสัญญาณในจุดที่มีการใช้งานอีกต่อไป"
กลยุทธ์ที่สามมุ่งการเจาะฐานลูกค้าเป็นกลุ่มเฉพาะมากกว่าที่จะแมส โดยการสร้าง
Value Proposition ที่เป็น Customer Solution ของแต่ละกลุ่มกับจุดเด่นของพีซีที
ซึ่งจะเป็นการนำเสนอบริการที่แตกต่างเจาะ กลุ่มอย่างกลุ่มโรงเรียน กลุ่มโรงพยาบาล
โรงแรมและกลุ่มชาวญี่ปุ่น ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ
กลยุทธ์ที่สี่มุ่งเน้นบริการเสริมที่เป็นนอนวอยซ์แอปพลิเคชั่นมากขึ้น จากการอาศัยบริการใหม่ที่จะนำออกสู่ตลาด
เช่นดาต้าคอมมิวนิเคชั่นที่ 32 และ 64 กิโลบิต บริการพีซีทีพอร์ทัล บริการวอยซ์
SMS บริการคอนเทนต์ ทั้งแบบ Push และแบบ Pull การรับส่งอีเมลผ่านพีซีที และอินเทอร์เน็ต
เบราว์เซอร์โฟน เพื่อสร้างการแข่งขันในพื้นที่ให้เหนือกว่าคู่แข่ง ที่สำคัญเป็น
บริการที่สร้างรายได้ด้วย
กลยุทธ์ที่ห้าการปรับภาพลักษณ์พีซีทีให้ดูทันสมัย เป็นกันเอง อบอุ่น สดใส ทั้งนี้จะมีการจัดกลุ่มของสินค้าและบริการออกเป็น
3 กลุ่ม ได้แก่ PCT Mild PCT Buddy และ PCT Next เพื่อให้แต่ละสินค้าบ่งบอกถึงบุคลิกในรูปลักษณ์ที่แตกต่างตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการใช้งาน
และกลยุทธ์สุดท้ายพีซีทีมุ่งเน้น การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมพื้นที่
โดยอาศัยกลยุทธ์การสร้างพันธมิตรรายย่อย ที่มีทุนน้อย แต่มีทำเลเหมาะสมและอยากที่จะเข้ามาเป็นตัวแทนขายให้กับสินค้าในเครือเทเลคอมเอเซียทั้งหมด
มากกว่า ที่จะมุ่งพันธมิตรรายใหญ่ๆ ที่ต้องใช้เวลาในการเจรจาและมีเงื่อนไขซับซ้อน
พีซีทีมีเป้าหมายที่จะต้องขยายให้ได้ถึง 5,000 จุดทั่วกรุงเทพฯ