|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ ธันวาคม 2550
|
|
ถ้าพูดถึงแบรนด์บริษัทประกันชีวิตในเมืองไทย คนทั่วไปค่อนข้างรู้จักน้อยมาก ถ้าหากเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศที่มีกว่า 60 ล้านคน มีผู้ใช้ประกันชีวิตเพียง 16-17% หรือประมาณ 10 ล้าน แต่อีกกว่า 50 ล้านไม่ได้ใช้บริการนี้เลย
ยิ่งหากพูดถึงเรื่องแบรนด์ คนทั่วไปก็จะรู้จักเพียง 1-2 แบรนด์เท่านั้น อย่างเช่นบริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล แอสชัวรันส์ จำกัด (เอไอเอ) หรือ บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด
อย่างเอไอเอเป็นแบรนด์ที่โดดเด่น คนรู้จักกันไม่น้อย อาจเป็นเพราะมีตัวแทนจำหน่ายจำนวนมากอยู่ทั่วทุกซอกมุม ส่วนเมืองไทยฯ เริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้นในช่วงหลังๆ สังเกตได้จากโฆษณาทางโทรทัศน์ และที่โดดเด่นมากตอนนี้เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนโรงหนังรัชดาลัยเธียเตอร์ เมืองไทยประกันชีวิต ที่เอสพลานาด
ส่วนประกันชีวิตของอยุธยาของ บมจ.อยุธยา อลิอันซ์ ซีพี ซึ่งพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาดแห่งนี้ ยอมรับว่าแบรนด์ของบริษัทคนยังรู้จักน้อย เป็นเพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 6 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้มีโฆษณาออกมาเลย การจดจำแบรนด์จึงไม่เกิดขึ้นสำหรับลูกค้า
จากเสียงของตัวแทนขายของบริษัทเองก็บอกให้มีการออกมาบอกให้ลูกค้าหรือสังคมรับรู้บ้าง จึงทำให้บริษัทได้กระโดดออกมาจัดหนังโฆษณาในช่วงไตรมาสสุดท้าย 4 ชุด ติดต่อกัน
ประเด็นของหนังโฆษณาทั้งหมดต้องการที่จะสื่อถึงการทำประกันชีวิตแนวใหม่คือ ออมเพื่อเป็นรางวัลชีวิต สลัดภาพเก่าๆ ของการทำประกันชีวิตเพื่อยกประโยชน์ให้ครอบครัวเมื่อเสียชีวิตแล้ว
สังเกตได้จากคำพูดของพรีเซ็นเตอร์ในโฆษณาที่บอกว่า "ทำ ทำไม ประกันชีวิต พ่อแม่ก็ตายหมดแล้ว ลูกเมียก็ไม่มี" หนังโฆษณาทั้ง 3 ชุดจะสลับกันออกชุดแรก "BACHELOR" "DAD" "SHOPPING" 3 ชุดแรกจะเป็นการปรับมุมมองใหม่ให้เห็นถึงข้อดีการทำประกันชีวิต และโฆษณาตัวล่าสุดที่เรียกว่า "CONDUCTOR" จะอยู่ภายใต้แนวคิด "อยุธยา อลิอันซ์ ซีพี เคียงข้างทุกจังหวะชีวิต" หมายถึงตั้งแต่ตื่นนอน ทำงาน กิจกรรมทุกอย่างคุณควบคุมได้ และพยายามสื่อให้เห็นว่า การทำประกันชีวิต ผู้ทำประกันจะได้รับผลตอบแทนขณะยังมีชีวิต
ส่วนโฆษณาที่ว่าฉีกแนวกว่าโฆษณาประกันชีวิตในปัจจุบันจะไม่เน้นเรื่องราวความโศกเศร้า เรื่องตาย แต่ของอยุธยาจะสื่อถึงความสนุกสนาน เปลี่ยนมุมมองให้คนทำประกันชีวิต กระตุ้นให้คนฟังได้คิด จากนั้นก็พูดถึงด้านดีๆ เป็นคำบอกกล่าวของปิยะ บุญฑริก ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัทวาย แอนด์ อาร์ จำกัด เอเยนซี่ผู้ผลิตภาพยนตร์โฆษณา
พัชราบอกว่าในปีหน้าจะเห็นโฆษณาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะได้จัดงบประมาณสำหรับโฆษณาไว้แล้วถึง 250 ล้านบาท จากปีนี้ใช้ไป 80 ล้านบาท งบประมาณการสร้างแบรนด์ที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว เพื่อมุ่งสร้างแบรนด์โดยเฉพาะในครั้งนี้ถือว่าเป็นพันธกิจอันดับต้นๆ ของบริษัทในปีหน้า และโฆษณาที่ต่อเนื่องเท่านั้นจึงจะทำให้ลูกค้าจดจำในแบรนด์ของอยุธยาได้ ซึ่งบริษัทตระหนักถึงข้อนี้เป็นอย่างดี
การเลือกใช้สื่อทีวีเป็นอันดับแรกเพราะทีวีมีแทบทุกครัวเรือนในเมืองไทย ที่สำคัญงานนี้ มร.วิลฟ์ แบล็คเบิร์น กรรมการผู้จัดการ บมจ.อยุธยา อลิอันซ์ ซีพี ประกันชีวิต ยอมทุ่มทุนเปลี่ยนตัวเองเป็นคอนดักเตอร์สวมชุดขาว ทำท่าทางขึงขังในวันแถลงข่าวเปิดตัวหนังโฆษณา CONDUCTOR ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าในฐานะผู้นำของบริษัทแห่งนี้ เขาจะควบคุมและกำหนดจังหวะชีวิตธุรกิจของบริษัทให้ก้าวไปสู่อันดับหนึ่งในเมืองไทยได้หรือไม่ จากตอนนี้ที่อยู่ในอันดับ 3 แม้ว่าจะได้ยินจากปากเขาเองว่า ไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องการจัดอันดับก็ตาม
|
|
|
|
|