|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
อสังหาฯ แนวราบ พลิกกลยุทธ์ฝ่าวิกฤตน้ำมันแพง ดีมานด์หด เสนาฯ มั่นใจเรียลดีมานด์บ้านเดี่ยว เดินหน้าลดไซส์บ้าน-โครงการ หวังปิดการขายเร็ว มั่นคงฯ ปรับตัวใช้สินค้าจีน รักษาต้นทุน เล็งเพิ่มบ้านแฝด-ทาวน์เฮาส์ หากตลาดยังเป็นขาลง
ในช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ กลายเป็นจุดเปลี่ยนให้ดีมานด์ในตลาดที่อยู่อาศัยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คอนโดมิเนียมเกาะแนวรถไฟฟ้า จับกลุ่มลูกค้าระดับกลางกลายเป็นสินค้ามาแรง สามารถแก้โจทย์ค่าครองชีพสูงในยุคน้ำมันแพงได้เป็นอย่างดี
ดีเวลลอปเปอร์หลายรายในอดีตที่เคยเน้นแต่โครงการจัดสรรแนวราบเป็นหลักได้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ หันมาเพิ่มสัดส่วนสินค้าประเภทแนวสูงมากขึ้น แม้จะต้องแบกรับกับความเสี่ยงที่สูงขึ้น แต่ก็จำเป็นที่จะต้องทำในช่วงที่ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบซบเซาอย่างหนัก
ตัวเลขคาดการณ์รายได้ในปีนี้ที่ 650 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าเดิม 1,000 ล้านบาทที่เคยตั้งไว้เมื่อต้นปี ของเสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ดีเวลลอปเปอร์ที่เน้นการพัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลักถึง 70% สะท้อนให้เห็นถึงภาวะตลาดที่ซบเซาได้เป็นอย่างดี ซึ่งเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า เป็นผลมาจากดีมานด์ที่เปลี่ยนไปสู่คอนโดมิเนียมใจกลางเมืองแทนบ้านเดี่ยวนอกเมือง แต่จากการศึกษาผู้บริโภคในเชิงลึกยังมีความมั่นใจว่า ดีมานด์ที่แท้จริงของผู้บริโภคยังคงเป็นบ้านเดี่ยว แต่การไปซื้อคอนโดมิเนียมเป็นเพราะไม่สามารถแบกรับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในขณะนี้ได้
ในภาวะเช่นนี้เสนาฯ ได้ปรับตัวด้วยการปรับที่ตัวสินค้าบ้านเดี่ยวในแบรนด์ “เสนา แกรนด์ โฮม” ให้มีขนาดเล็กลงจากเดิม 50 ตร.วาขึ้นไป ราคา 3-10 ล้านบาท ให้เหลือ 35-40 ตร.วา ในรูปแบบบ้านแฝด ที่ยังมีหน้าตาเหมือนกับบ้านเดี่ยว ราคา 2 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน โดยมองว่าครอบครัวปัจจุบันเป็นครอบครัวขนาดเล็ก 3-4 คน ไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อบ้านที่มีขนาดใหญ่ ทั้งนี้ได้ปรับตัวสินค้าในโครงการเสนา แกรนด์ โฮม รามอินทรา เป็นโครงการแรก
นอกจากนี้การซื้อที่ดินขนาดเล็กไม่เกิน 20 ไร่ เพื่อให้สามารถปิดโครงการได้เร็ว เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่เสนาฯ จะนำมาใช้เพื่อลดความเสี่ยงในการพัฒนาโครงการ ในปีหน้าเสนาฯ มีแผนจะพัฒนาโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท ทั้งแนวราบและแนวสูงควบคู่กันไป โดยมั่นใจว่าปีหน้าแม้อัตราดอกเบี้ยจะไม่ลดลง แต่หากสถานการณ์ทางการเมืองดีขึ้น น่าจะทำให้ดีมานด์บ้านเดี่ยวหวนกลับคืนมาได้ และเสนาฯ ก็จะไม่ทิ้งตลาดคอนโดมิเนียม เพราะยังเป็นสินค้าที่สามารถตอบสนองดีมานด์ของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกในการเดินทาง ในช่วงที่น้ำมันมีราคาสูงได้ โดยมีแผนจะเปิดตัวโครงการเดอะ นิช ลาดพร้าว 48 คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ สูง 8 ชั้น บนที่ดิน 2 ไร่ รวม 200 ยูนิต ราคา 35,000-36,000 บาทต่อ ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 28 ตร.ม. และโครงการเดอะ นิช รัชดาฯ 25 คอนโดมิเนียมไฮไรส์ สูง 25 ชั้น ราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาทขึ้นไป
สำหรับมั่นคงเคหะการ ดีเวลลอปเปอร์อีกรายที่พัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลักเพียงอย่างเดียว ในช่วงที่ตลาดบ้านเดี่ยวซบเซาก็จำเป็นที่จะต้องเร่งปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์เช่นกัน เช่น การใช้สินค้าจีน เช่น กระเบื้อง วอลล์เปเปอร์ที่มีคุณภาพดี แต่ราคาถูกกว่ามาช่วยในการบริหารจัดการต้นทุน สามารถลดต้นทุนไปได้ถึง 10% ผสมผสานกับการซื้อที่ดินในราคาต่ำ และการบริหารจัดการเองทุกขั้นตอน ทำให้ต้นทุนของบริษัทต่ำกว่า สามารถตั้งราคาขายได้ต่ำกว่าคู่แข่งในทำเลเดียวกัน 5-10%
ชุติมา ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) (MK) ตั้งเป้ายอดขายในปีหน้าไว้ที่ 2,800 ล้านบาท เติบโตจากปีนี้ 20% ซึ่งหากภาวะตลาดในปีหน้ายังไม่ดีขึ้น บริษัทฯจะปรับตัวด้วยการเพิ่มสัดส่วนสินค้าบ้านแฝด ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ให้มากขึ้นกว่าปีนี้ เพราะเป็นสินค้าที่สามารถตอบสนองกำลังซื้อที่ลดลงได้ดี
|
|
|
|
|