|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ใกล้วันเลือกตั้งพบ “กลุ่มเทพสุทิน-วงศ์สวัสดิ์” ง่วนกับหุ้นในตลาด กลุ่มแรกเน้นร่วมวงกับหุ้นเข้าใหม่ที่ร้อนแรงเกินพื้นฐาน ส่วนกลุ่มหลังขายหุ้นออกทีไรหุ้นร้อนทุกครั้งตั้งแต่ TRAF และ WIN แถมคนรับเซ้งกับทั้งโอนออกและขายฟันกำไร เงินไปไหนไม่รู้ โบรกเกอร์เผยมีหลายกลุ่มเข้ามาหาเงิน แต่ยากต่อการตรวจสอบ เผยกลุ่มนี้รู้กฎเกณฑ์ดี
ตลาดหุ้นยังเป็นแหล่งเงินอีกแหล่งหนึ่งสำหรับกลุ่มทุนการเมืองที่ใกล้วันเลือกตั้งรอบใหม่ครั้งใด หุ้นของนักธุรกิจที่หนุนพรรคการเมืองจะต้องร้อนแรงขึ้นมาทุกครั้ง แต่หลังจากที่นักธุรกิจโดดเข้ามาลงสนามการเมืองเสียเองหุ้นของพวกเขาเหล่านั้นก็โดดเด่นขึ้นมาเคียงคู่เช่นกัน โดยเฉพาะช่วงที่พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล
แต่นั่นทำให้เสี่ยงต่อการถูกตรวจสอบได้ง่าย ท้ายที่สุดก็ทำให้รัฐบาลชุดที่ผ่านมาต้องพ้นสภาพไปที่ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการตรวจสอบหุ้นของนักการเมืองที่เข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศ
ส่วนนักการเมืองแท้ๆ ที่เดิมไม่เกี่ยวข้องกับหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก็เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมกับหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในรูปของการเข้าไปลงทุนโดยใช้ชื่อเครือญาติถือหุ้นในบริษัทที่มีสายสัมพันธ์กัน ซึ่งหลายบริษัทได้รับงานจากภาครัฐหลายโครงการ
หลังจากที่มีการยึดอำนาจเมื่อ 19 กันยายน 2549 ตามมาด้วยพรรคไทยรักไทยล่มสลาย แกนนำ 111 คนถูกจับแช่แข็งและหลายคนกระจัดกระจายไปยังพรรคการเมืองอื่น ๆ เตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งเข้ามา ทุนที่ใช้ในการหาเสียงถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในห้วงเวลานี้ โดยเฉพาะกลุ่มที่แยกตัวออกจากพรรคไทยรักไทยหรือในนามพลังประชาชน ที่จะต้องใช้ทุนส่วนตัวเพื่อผลักดันทีมงานให้ได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้
“เทพสุทิน” พ่วงหุ้นใหม่
“ตอนนี้ที่ชัดเจนในขณะนี้เห็นอยู่ 2 กลุ่มคือหุ้นที่เชื่อมโยงกับคนของพรรคพลังประชาชน และพรรคมัชฌิมาธิปไตย แต่แตกต่างกันตามรูปแบบการลงทุนและยังมีอีกหลายกลุ่มที่ใช้ตลาดหุ้นหาเงินเพื่อใช้เลือกตั้ง แต่ไม่เปิดเผยออกมาเท่านั้น” แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์ตั้งข้อสังเกตุ
เขากล่าวต่อไปว่า การเข้ามาเกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นของกลุ่มนักการเมืองนั้น ใน 2 กลุ่มนี้จะดูจากลักษณะของการลงทุนที่สามารถเชื่อมโยงได้ คงเริ่มจากคนในตระกูลเทพสุทิน ที่สมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นที่ปรึกษาให้กับกลุ่มมัชฌิมาธิปไตย ที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นระยะหลังนี้ค่อนข้างเปิดเผย
ที่มีหลักฐานปรากฏ คือ การลงทุนผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอสเส็ค จำกัด ในนามของพร เทพสุทินและณัฐธิดา เทพสุทิน ในบริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ RASA และบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG ซึ่งเป็นหุ้นเข้าใหม่ที่มีราคาร้อนแรงมาก ส่วน RASA ราคาเคลื่อนไหวเป็นรอบๆ
“แน่นอนว่าหุ้นที่ลงทุนไว้ยิ่งราคายิ่งเพิ่มขึ้นย่อมมีโอกาสในการขายทำกำไรได้มากขึ้นเช่นกัน ส่วนจะขายออกมาหรือไม่นั้นถือเป็นสิทธิของผู้ลงทุน”
WIN ขายแล้ววิ่ง
ส่วนที่มีความเคลื่อนไหวกันในช่วง 13-14 พฤศจิกายนที่ผ่านมามีการขายหุ้นบริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ WIN ของกลุ่มวงศ์สวัสดิ์ออกไปจำนวนมาก ตรงกับวันรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ ชินวัตร ส่งสูงสาวคือชินณิชา ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ที่เชียงใหม่ โดยที่ชินณิชาและชยาภา วงศ์สวัสดิ์ได้ขายหุ้นออกไปทั้งหมด ส่วนของยศชนันได้แจ้งว่าขาย/โอนหุ้นออกไปอีกครั้งในวันที่ 26 พฤศจิกายน จำนวน 15 ล้านหุ้นให้กับจักร จามิกรณ์ ทำให้เหลือหุ้นอีก 14.02%
แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์กล่าวว่า ที่เห็นเราเห็นนี้เป็นเพียงรายชื่อหรือธุรกรรมที่ต้องแจ้งต่อสาธารณะตามกฎเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดเท่านั้น แต่ธุรกรรมบางอย่างหรือการเข้ามาหาเงินจากตลาดหุ้นของนักการเมืองเชื่อว่าคงมีแต่ไม่สามารถตรวจสอบได้
กรณีของกลุ่มเทพสุทินนั้นเป็นเพียงการเข้ามาถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียน ผ่านกองทุนส่วนบุคคล แน่นอนว่าไม่มีชื่อของคุณสมศักดิ์เข้ามาลงทุน ส่วนกองทุนนี้จะขายออกไปหรือไม่ถือเป็นสิทธิของผู้ลงทุนและการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นนั้นก็เป็นสิ่งที่ทำได้
หรืออย่างกรณีของ WIN ที่ตระกูลวงศ์สวัสดิ์ได้ขายออกไปแล้ว ในทางกฎหมายถือว่าได้พ้นจากความเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ แต่ในทางปฏิบัติไม่มีใครตอบได้ว่าอำนาจในการบริหารนั้นยังอยู่ที่ตระกูลวงศ์สวัสดิ์หรือไม่
แต่การขายที่ราคา 1.02 บาทต่อหุ้นหลังจากนั้นหุ้นพุ่งขึ้นมา เราได้เห็นผู้ซื้ออย่างจักร จามิกรณ์ ขาย WIN ออกมาในวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมาที่ราคา 1.38 บาท จำนวน 1,843,900 หุ้น และยังมีรายการโอนออกไปอีก 2 ครั้งราว 1.08 ล้านหุ้น ส่วนผู้ซื้ออีกรายอย่างกลุ่มเพ็ชรตระกูลและห้างหุ้นส่วนจำกัดสามประสิทธิรวมถึงการใช้กองทุนเอสเส็คที่กลุ่มเทพสุทินใช้บริการอยู่เข้าถือหุ้น แต่ยังไม่เห็นรายการขายหรือโอนหุ้น WIN ออกมา
หากผู้ซื้อทั้ง 2 รายจะขายหุ้นออกไปอีกก็ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มวงศ์สวัสดิ์โดยเฉพาะชินณิชาที่ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งไม่ต้องกังวลในเรื่องข้อครหาทางการเมืองของฝ่ายตรงข้าม ถ้าลองติดตามข่าวดี ๆ จะพบว่ากลุ่มผู้ซื้อ WIN นั้นได้งานหลายงานในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา หากกลุ่มวงศ์สวัสดิ์พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งก็มีสิทธิกลับมาซื้อหุ้นคืนได้เช่นกัน
เรื่องเหล่านี้ค่อนข้างยากที่จะตรวจสอบ เพราะถือเป็นเรื่องการลงทุนของแต่ละบุคคล เงินที่กลุ่มวงศ์สวัสดิ์ขายหุ้น WIN ได้ หรือกรณีของจักร จามิกรณ์ที่ขายหุ้นออกไปซื้อมาที่ 1.02 บาท ขายที่ 1.38 บาท กำไรมากกว่า 35% แม้แต่กลุ่มวงศ์สวัสดิ์ที่ขายหุ้นออกไปนั้นเชื่อว่าต้นทุนคงไม่เกิน 0.50 บาทต่อหุ้น จะนำไปใช้อะไรก็เป็นสิทธิของแต่ละคน
ดังนั้น การหาเงินในตลาดหุ้นของนักการเมืองเป็นเรื่องที่ทำได้ตลอดเวลา แม้ว่าช่วงนี้ตลาดหุ้นจะอยู่ในช่วงขาลง แต่หุ้นเล็ก ๆ เกี่ยวข้องกับภาคการเมืองก็ยังปรับตัวได้ร้อนแรงสวนทางกับภาพรวมของตลาดหุ้น
เลี่ยงเกณฑ์ตรวจไม่เจอ
คนในวงการหุ้นรวมถึงหน่วยงานอย่างตลาดหลักทรัพย์และก.ล.ต.ก็ทราบดีว่าหุ้นเล็กๆ เหล่านี้ร้อนแรงเพราะอะไร แต่ต้องยอมรับว่าไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้มากนัก เนื่องจากพวกเขาทำตามหลักเกณฑ์ที่ทางการกำหนดไว้ อย่างมากถ้าราคาหุ้นร้อนแรงมากเกินไปก็บังคับให้ผู้ที่จะมาลงทุนซื้อขายหุ้นด้วยเงินสด เช่นหุ้นของ TRAF ที่แม้กลุ่มวงศ์สวัสดิ์จะขายหุ้นออกไปให้กับกลุ่มวิไลลักษณ์เจ้าของบริษัท สามารถ (SAMART)แต่กลับมาร้อนแรงในช่วงก่อนเลือกตั้ง แม้จะมีข่าวหนุนอย่างการแลกหุ้นกับบริษัทลูกของเมเจอร์ (MAJOR) ก็ไม่น่าจะเป็นแรงหนุนให้หุ้นขึ้นได้จากราคาไม่ถึง 2 บาททะลุเกินกว่า 8 บาทได้ในเวลาไม่กี่วัน
ดังนั้น เมื่อกลุ่มวงศ์สวัสดิ์ขายหุ้นออกไปแล้ว ราคาหุ้นร้อนแรงขึ้นมาก็ถือว่าเป็นเรื่องของผู้ลงทุนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มวงศ์สวัสดิ์ เช่นเดียวกับราคาหุ้น BWG ที่กลุ่มเทพสุทินถือหุ้นอยู่ที่ราคาร้อนแรงเช่นกันนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมาจากราคาขายที่ 3 บาทพุ่งขึ้นไปถึง 7-10 บาทก่อนจะมาปิดที่ราคา 7.40 บาท
กลุ่มการเมืองที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นรู้ดีว่าหากปรากฏชื่อว่าถือหุ้นตัวใดตัวหนึ่งจะทำให้ภาพพจน์ไม่ดี อย่างพายัพ ชินวัตร เซียนหุ้นอีกราย แม้จะปรากฏชื่อบ้างในระยะแรก แต่หลังๆ ก็ไม่มีชื่อของเขาถือหุ้นในบริษัทใด เพียงแต่เป็นการลือกันในเหล่าโบรกเกอร์ว่าเขาได้เข้ามาลงทุนในหุ้นตัวนั้นตัวนี้เท่านั้น
นอกจากนี้ พวกเขาต้องระวังในเรื่องการเข้าซื้อที่ข้ามเกณฑ์การได้มาหรือจำหน่ายที่ 5% หรือ 25% เพราะถ้าซื้อหรือขายหุ้นข้ามเกณฑ์ดังกล่าวจะต้องรายงานต่อ ก.ล.ต. อาจตกเป็นเป้าหมายในการตรวจสอบได้ ถ้าหวังจะคนหาจากรายชื่อผู้ถือหุ้นก็คงลำบากเพราะต้องรอให้ปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นก่อน ถ้าเขาขายหุ้นเพื่อทำกำไรและซื้อกลับคืนในราคาต่ำตรงนี้คนทั่วไปก็มองไม่เห็นแล้ว แต่ที่ง่ายที่สุดคือหาบุคคลอื่นเข้ามาดำเนินการแทน อาจทำผ่านบุคคล กองทุนส่วนบุคคล ตัวแทนจากต่างประเทศก็ทำได้ทั้งสิ้น
“ต้องยอมรับว่าในระยะนี้วิธีการที่ดีที่สุดเห็นจะเป็นการขอพ่วงถือหุ้นที่กำลังจะเข้าตลาดหุ้นใหม่ ทั้งในตลาดใหญ่และตลาดใหม่ เนื่องจากช่วงนี้หุ้นเข้าใหม่หลายตัวราคาเมื่อเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นจะปรับเพิ่มขึ้นจากราคาจองหลายเท่าตัว เช่น BWG MILL และ TNDT เป็นต้นและในช่วงเดือนธันวาคมก่อนการเลือกตั้งจะมีหุ้นที่เข้าใหม่อีกอย่างน้อย 2 รายคือ BGT และ SIMAT” แหล่งข่าวกล่าว
การหาเงินในตลาดหุ้นของกลุ่มการเมืองนั้นไม่จำเป็นที่พวกเขาต้องเข้ามาทำเองเสมอไป แต่เจ้าของหุ้นบางรายที่เป็นนายทุนให้กับพรรคการเมืองอาจเป็นผู้ทำให้เพื่อหาเงินช่วยเหลือพรรค และการหาเงินจากราคาหุ้นไม่จำเป็นที่ต้องดันราคาหุ้นขึ้นไปเพียงอย่างเดียว เขาเล่นกันเป็นรอบๆ หากได้รอบละ 10 ล้านบาท ทำ 10 วันก็ได้เงินเป็นร้อยล้านบาทแล้ว ดังนั้นผู้ลงทุนที่นิยมเล่นหุ้นเก็งกำไรควรหลีกเลี่ยงในหุ้นกลุ่มนี้
|
|
|
|
|