|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บล.บัวหลวงเผย บจ.หันออกไปเทกโอเวอร์บริษัทต่างชาติ เหตุต้องการขยายการลงทุน-จังหวะเข้าลงทุนเหมาะสมจากค่าเงินบาทแข็ง แต่ยังคงให้ผู้บริหารเดิมบริหารต่อไป ขณะนี้รับเป็นที่ปรึกษาให้ 1 แห่ง คาดสรุปปีหน้า ผู้บริหาร เผยมีดีลควบรวมในประเทศ 10 ดีล คาดเสร็จปีหน้า 2-3 ดีล ขณะที่มีงานไอพีโอ 6 บริษัทเข้าระดมทุนปีหน้า 3 แห่ง
นายกำธร ศิลาอ่อน ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS เปิดเผยว่า ในช่วงผ่านมีบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ไทยไปซื้อกิจการ(เทกโอเวอร์) บริษัทในต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจาก ต้องการขยายการลงทุนไปต่างประเทศ ประกอบกับการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจึงถือเป็นโอกาสดีในการลงทุน แต่การเทกโอเวอร์นั้น เป็นลักษณะการเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งยังให้ผู้บริหารเดิมของบริษัทเป็นผู้บริหารงานอยู่ เนื่องจากการไปลงทุนในต่างประเทศ จำเป็นต้องอาศัยความชำนาญของคนในพื้นที่
"การที่บริษัทจดทะเบียนไทยหันไปเทกโอเวอร์บริษัทต่างประเทศมากขึ้นนั้น ถือเป็นทิศทางที่ถูกต้อง เพราะค่าเงินเราแข็งค่าขึ้น จึงเป็นจังหวะที่เหมาะสม เพียงแต่รูปแบบการเทกโอเวอร์อาจจะไม่ได้เข้าไปเทกฯ แบบเบ็ดเสร็จแต่จะเป็นในรูปของการเข้าไปถือหุ้นใหญ่ และยังให้ผู้บริหารเดิมทำงานอยู่ต่อไป" นายกำธรกล่าว
ทั้งนี้ บล.บัวหลวง รับเป็นที่ปรึกษาการเทกโอเวอร์บริษัทในต่างประเทศให้กับบริษัทไทยอยู่ 1 แห่ง ซึ่งดีลนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จในปีหน้า ขณะที่มีดีลควบรวมกิจการ (M&A) ในประเทศ จำนวน 10 กว่าดีด ซึ่งมีทั้งบริษัทในประเทศควบรวมกิจการกันเอง และบริษัทต่างประเทศสนใจเข้าซื้อกิจาการบริษัทในประเทศไทย โดยคาดว่าจะสำเร็จในปีหน้า ประมาณ 2-3 ดีล ซึ่งในปีนี้บริษัททำงานที่ปรึกษาควบรวมแล้วจำนวน 3 ดีล
สำหรับ ภาพรวมการนำบริษัทใหม่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยและเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(ไอพีโอ) นั้น ในปีหน้าเชื่อว่าจะมีความคึกคักมากกว่าปีนี้ เพราะเท่าที่สอบถามกับโบรกเกอร์รายอื่นในอุตสาหกรรม พบว่าแต่ละรายก็มีงานในมือกันจำนวนมาก แต่หากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำของสหรัฐอเมริกา(ซัพไพรม์)ยังคงมีผลกระทบอาจจะเป็นผลลบกับตลาดหุ้นไทยได้
นายกำธร กล่าวว่า ในปี 2551 คาดจะนำบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ รวมกัน 3-4 บริษัท จากที่มีอยู่ในมือประมาณ 6 บริษัท ซึ่งจะมีทั้งที่บริษัท เป็นผู้รับประกันการจัดหน่าย และเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) แบ่งเป็นเข้าจดทะเบียในตลาดหลักทรัพย์ 3 บริษัท ซึ่งทำธุรกิจอาหาร มูลค่าระดมทุน 600-700 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)อยู่ระหว่างเยี่ยมชมโรงงาน คาดว่าจะยื่นไฟลิ่งต่อก.ล.ต.เร็วนี้ ซึ่งบริษัทเป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้น
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารสัตว์ โดยคาดว่าจะซื้อขายได้ช่วงปลายปีหน้า บริษัท ไทย อะโกร เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่าย เอทานอลเป็นเชื้อเพลิง เตรียมที่จะเข้าซื้อขาย โดยรอนโยบายจากภาครัฐเกี่ยวกับพลังงานทดแทนให้มีความชัดเจนก่อน คาดว่าจะมีมูลค่าระดมทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และบริษัทก่อสร้าง คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ
|
|
|
|
|