โอสถสภา รับมือตลาดอุปโภคบริโภคปีหน้าโตน้อย เทรนด์การซอยเซกเมนต์ ควงกลยุทธ์ Red Ocean ผสมผสาน Blue Ocean อัดงบตลาดร่วม 100 ล้านบาท จ่อคิวคว้าพรีเซ็นเตอร์อินเตอร์กระตุ้นยอดขาย หวังรายได้ปีหน้าโต 7-8% กวาดเกือบ 2,500 ล้านบาท สิ้นปีนี้โตเกือบ 10% ราว 2,300 ล้านบาท
นายวิเชียร สันติมหกุลเลิศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอสถสภา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินการตลาดในปีหน้านี้ บริษัทจะมุ่งเน้น Red Ocean หรือการพัฒนาสินค้าที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพควบคู่กับ Blue Ocean หรือการมุ่งเน้นสร้างตลาดใหม่ เนื่องจากแนวโน้มตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในปีหน้านี้จะมีอัตราการเติบโตน้อย เมื่อเทียบกับปีนี้มีอัตราการเติบโต 3-5%
ทั้งนี้กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคแทบทุกกลุ่มมีอัตราการเติบโตน้อยลงทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ตลาดแป้ง ตลาดผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย มีแต่เฉพาะตลาดผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลสำหรับผู้ชายที่มีอัตราการเติบโต เพราะมีฐานตลาดขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามเทรนด์ของตลาดจะมีการซอยเซกเมนต์ทางการตลาดมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เฉพาะเจาะจง
สำหรับในปีหน้านี้บริษัทตั้งเป้ามีผลประกอบการเติบโต 7-8% จาก 2,300 ล้านบาท โดยได้วางงบการตลาดบริษัทวางไว้กว่า 100 ล้านบาทใกล้เคียงกับปีนี้ เนื่องจากมองภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะมีทิศทางเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่พฤติกรรมของผู้บริโภคไทยยังคงประหยัดและรู้จักการใช้เงินมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องใช้งบการตลาดกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านการทำโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ กิจกรรม และโปรโมชัน
โดยบริษัทจะตอกย้ำกลยุทธ์การนำดาราจากต่างประเทศที่มีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ หลังจากในปีนี้นำดาราเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่งผลให้ยอดขายของทเวลฟ์พลัสเติบโตมากกว่า 30% อีกทั้งยังทำให้แบรนด์มีความทันสมัยมากขึ้น และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เพิ่มขึ้น
“ผลพวงจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้น 5% และคาดว่าต้นทุนการผลิตจะเพิ่มเป็น 10% หากราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นในปีหน้านี้ สำหรับบริษัทไม่มีนโยบายจะปรับราคาสินค้าขึ้น เนื่องจากการแข่งขันตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคมีความรุนแรง การขึ้นราคาอาจทำให้สูญเสียส่วนแบ่งตลาด”
นายวิเชียร กล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคว่า ในช่วงไตรมาสสี่มีการแข่งขันสงครามราคาอย่างรุนแรง ซื้อ 1 แถม 1 ลด แลก แจก แถม เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผลประกอบหลายบริษัทไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
สำหรับบริษัทก็ดำเนินกลยุทธ์ลด แลก แจก แถม บ้าง เพื่อกระตุ้นผลประกอบการที่ตั้งเป้าโตเกือบ 10% หรือคิดเป็นมูลค่า 2,300 ล้านบาท แบ่งเป็น เบบี้ มายด์ 1,000 ล้านบาท ทเวลฟ์พลัส 1,000 ล้านบาท และเอ็กซิท 300 ล้านบาท สำหรับกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 30-40% จากรายได้รวมของบริษัทโอสถสภา
|