Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 ธันวาคม 2550
“ซอยเซกเม้นต์”ปีหน้ามาแรง โอสถสภาชู“เรด-บลูโอเชียน”ลุย             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท โอสถสภา จำกัด

   
search resources

โอสถสภา, บจก.
Commercial and business




โอสถสภา รับมือตลาดอุปโภคบริโภคปีหน้าโตน้อย เทรนด์การซอยเซกเมนต์ ควงกลยุทธ์ Red Ocean ผสมผสาน Blue Ocean อัดงบตลาดร่วม 100 ล้านบาท จ่อคิวคว้าพรีเซ็นเตอร์อินเตอร์กระตุ้นยอดขาย หวังรายได้ปีหน้าโต 7-8% กวาดเกือบ 2,500 ล้านบาท สิ้นปีนี้โตเกือบ 10% ราว 2,300 ล้านบาท

นายวิเชียร สันติมหกุลเลิศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอสถสภา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินการตลาดในปีหน้านี้ บริษัทจะมุ่งเน้น Red Ocean หรือการพัฒนาสินค้าที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพควบคู่กับ Blue Ocean หรือการมุ่งเน้นสร้างตลาดใหม่ เนื่องจากแนวโน้มตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในปีหน้านี้จะมีอัตราการเติบโตน้อย เมื่อเทียบกับปีนี้มีอัตราการเติบโต 3-5%

ทั้งนี้กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคแทบทุกกลุ่มมีอัตราการเติบโตน้อยลงทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ตลาดแป้ง ตลาดผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย มีแต่เฉพาะตลาดผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลสำหรับผู้ชายที่มีอัตราการเติบโต เพราะมีฐานตลาดขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามเทรนด์ของตลาดจะมีการซอยเซกเมนต์ทางการตลาดมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เฉพาะเจาะจง

สำหรับในปีหน้านี้บริษัทตั้งเป้ามีผลประกอบการเติบโต 7-8% จาก 2,300 ล้านบาท โดยได้วางงบการตลาดบริษัทวางไว้กว่า 100 ล้านบาทใกล้เคียงกับปีนี้ เนื่องจากมองภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะมีทิศทางเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่พฤติกรรมของผู้บริโภคไทยยังคงประหยัดและรู้จักการใช้เงินมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องใช้งบการตลาดกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านการทำโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ กิจกรรม และโปรโมชัน

โดยบริษัทจะตอกย้ำกลยุทธ์การนำดาราจากต่างประเทศที่มีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ หลังจากในปีนี้นำดาราเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่งผลให้ยอดขายของทเวลฟ์พลัสเติบโตมากกว่า 30% อีกทั้งยังทำให้แบรนด์มีความทันสมัยมากขึ้น และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เพิ่มขึ้น

“ผลพวงจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้น 5% และคาดว่าต้นทุนการผลิตจะเพิ่มเป็น 10% หากราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นในปีหน้านี้ สำหรับบริษัทไม่มีนโยบายจะปรับราคาสินค้าขึ้น เนื่องจากการแข่งขันตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคมีความรุนแรง การขึ้นราคาอาจทำให้สูญเสียส่วนแบ่งตลาด”

นายวิเชียร กล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคว่า ในช่วงไตรมาสสี่มีการแข่งขันสงครามราคาอย่างรุนแรง ซื้อ 1 แถม 1 ลด แลก แจก แถม เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผลประกอบหลายบริษัทไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

สำหรับบริษัทก็ดำเนินกลยุทธ์ลด แลก แจก แถม บ้าง เพื่อกระตุ้นผลประกอบการที่ตั้งเป้าโตเกือบ 10% หรือคิดเป็นมูลค่า 2,300 ล้านบาท แบ่งเป็น เบบี้ มายด์ 1,000 ล้านบาท ทเวลฟ์พลัส 1,000 ล้านบาท และเอ็กซิท 300 ล้านบาท สำหรับกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 30-40% จากรายได้รวมของบริษัทโอสถสภา   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us