Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน30 พฤศจิกายน 2550
QH หวังคอนโดฯ-คาซ่าฯ ดันรายได้ชดเชยบ้านหรู             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด

   
search resources

ควอลิตี้เฮาส์, บมจ.
รัตน์ พานิชพันธ์
Real Estate




บิ๊กคิวเฮ้าส์ ฉายภาพตลาดอสังหาฯปีชวด แนวโน้มเติบโตในอัตราทรงตัว เหตุเศรษฐกิจ ดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน ตัวแปรกระทบผู้ซื้อบ้าน แต่ตลาดคอนโดมิเนียมยังเติบโตต่อเนื่อง คาดจะมีโอกาสขยับราคาขึ้นไปอีก 20-30% ระบุตลาดบ้านหรู ยังไปได้ เหลือผู้พัฒนาแค่ 3 ค่าย คือ แลนด์-คิวเฮ้าส์และแสนสิริ เล็งไตรมาส 2 ปี 51 ออกหุ้นกู้ 2,000 ล้านบาท ชำระหุ้นกู้ครบกำหนดและซื้อแลนด์แบงก์ ปูพรมเปิดโครงการใหม่ทั้งเครือ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 33,000 ล้านบาท เปรยธปท.อาจจะยกเลิกกันสำรอง 30%

นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2551 ว่า ยังคงมีอัตรเติบโตในระดับที่ทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2550 เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจในประเทศจะขยายตัวในอัตราที่เท่าเดิม ประกอบกับแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวขึ้น และผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย(ดีมานด์) ที่คาดว่าจะอยู่ในภาวะทรงตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ในตลาดของคอนโดมิเนียม ในปีหน้ายังมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีนี้ เนื่องจากความต้องการซื้อห้องชุดของโครงการคอนโดมิเนียมในระดับล่างมีจำนวนมาก และเป็นฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่

ขณะที่ ตลาดที่อยู่อาศัยในระดับบน คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวของราคาวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการบ้านระดับบน ที่อยู่ในตลาดเหลือเพียง 3 ราย ได้แก่ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ฯ , บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ฯและบริษัท แสนสิริฯ เนื่องจากพบว่า ผู้ประกอบการรายอื่นๆ หันไปพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ส่งผลให้ตลาดบ้านระดับบนมีการแข่งขันอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ แนวโน้มการปรับตัวของราคาบ้านเดี่ยว ในปี 51 คาดว่าจะปรับราคาขึ้นไม่เกิน 5% เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคอยู่ในปริมาณที่จำกัด ในขณะที่ ตลาดคอนโดมิเนียมมีโอกาสปรับราคาสูงขึ้นอีก 20-30%

" สาเหตุที่บ้านเดี่ยวมีอัตราการปรับราคาขึ้นไม่มาก เพราะผู้ซื้อบ้านส่วนใหญ่จะเป็นคนไทย ความต้องการเลยมีจำกัด ขณะที่ห้องชุดในคอนโดมิเนียม ลูกค้าต่างชาติสามารถซื้อได้ตามสัดส่วนไม่เกิน 49% ของพื้นที่ขายทั้งหมด ทำให้กำลังซื้อบางส่วนของตลาดบ้านเดี่ยวไหลเข้ามาสู่ตลาดคอนโดมิเนียม ประกอบกับ กำลังซื้อของชาวต่างชาติมีสูงกว่าคนไทย และราคาขายคอนโดมิเนียมในประเทศ เมื่อเปรียบกับราคาคอนโดมิเนียมในต่างประเทศ ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ทำให้ชาวต่างชาติหันมาซื้อห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุน ส่งผลต่อเนื่องให้ราคาห้องชุดในโครงการคอนโดฯปรับตัวสูงขึ้นกว่าปกติ " นายรัตน์กล่าวและว่า

สำหรับแผนธุรกิจของบริษัทในปี 2551 นายรัตน์กล่าวว่า มีแผนที่จะออกหุ้นวงเงินประมาณ 2,000 ล้านบาทภายในไตรมาส 2 เพื่อนำเงินที่ระดมทุนได้ไปชำระหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2551 และบางส่วนจะนำไปจัดซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่

ทั้งนี้ ทางบริษัทคิวเฮ้าส์ฯมีแผนที่จะเปิดโครงการบ้านระดับบนในปี 51 ประมาณ 11 โครงการ มูลค่ารวม 22,700 ล้านบาท ได้แก่แบรนด์ลัดดารมย์ จำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการลัดดารมย์ Elegance เกษตรนวมินทร์ มูลค่า 1,570 ล้านบาท , ลัดดารมย์ Elegance ราชพฤกษ์ พระราม 5 มูลค่า 2,920 ล้านบาท , ลัดดารมย์ ราชพฤกษ์ รัตราธิเบศร์ 2 มูลค่า 2,250 ล้านบาท และลัดดารมย์ ชัยพฤกษ์ แจ้งวัฒนะ มูลค่า 2,710 ล้านบาท

ในส่วนของบริษัท คาซ่า วิลล์ จำกัด บริษัทในเครือคิวเฮ้าส์ ได้กำหนดแผนเปิดโครงการใหม่ แยกเป็นบ้านเดี่ยวแบรนด์ คาซ่า วิลล์ ได้แก่ โครงการคาซ่า วิลล์ ราชพฤกษ์ รัตนาธิเบศร์ 2 มูลค่า 1,690 ล้านบาท , คาซ่า วิลล์ ราชพฤกษ์ แจ้งวัฒนะ มูลค่า 2,950 ล้านบาท , คาซ่า วิลล์ วัชรพล 3 มูลค่า 1,930 ล้านบาท , คาซ่า วิลล์ บางนา-สุวรรณภูมิ มูลค่า 1,150 ล้านบาท และ คาซ่า วิลล์ พระราม 2-3 มูลค่า 1,950 ล้านบาท

ส่วนโครงการทาวน์เฮาส์แบรนด์ คาซ่า ซิตี้ มี 2 โครงการ ได้แก่ คาซ่า ซิตี้ เอกมัย-รามอินทรา สุคนธสวัสดิ์ 2 มูลค่า 320 ล้านบาท และโครงการคาซ่า ซิตี้ เอกมัย-รามอินทรา นวลจันทร์ 2 มูลค่า 530 ล้านบาท

นอกจากนี้ ทางคิวเฮ้าส์ มีแผนจะเปิดตัวโครงการคอนโดฯ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการคิวเฮ้าส์ คอนโดมิเนียมสาทร เนื้อที่ 1 ไร่ จำนวน 354 ยูนิต มูลค่า 2,152 ล้านบาท , โครงการคาซ่า คอนโดฯ รัชดา-ท่าพระ มูลค่า 469 ล้านบาท และ โครงการคิวเฮ้าส์ คอนโดฯหลังสวน ซึ่งจะเป็นการปรับปรุงโครงการเดิมที่มีแผนจะทำเป็นโครงการเซ็นเตอร์พอย์ท

นายรัตน์ กล่าวถึงแนวโน้มรายได้ในปีหน้า จะมีรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 20-30% เมื่อเทียบกับรายได้รวมทั้งบริษัท ส่วนรายได้จากแบรนด์คาซ่า จะมีสัดส่วนเพิ่มจาก 45% มาเป็น 50% ในปี51 ส่วนแบรนด์บ้านหรูของคิวเฮ้าส์จะมีสัดส่วนมาอยู่ที่ 50%

" ในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 10,500 ล้านบาท ส่วนปี 2551 คาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 12,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 20% "นายรัตน์กล่าว

ส่วนแผนการขยายขนาดของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะมีการนำตึกเข้ากองทุนรวมอสังหาฯมูลค่ารวมอีก 3,000-3,500 ล้านบาท ได้แก่ อาคารเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 3 อาคาร คือ ที่เพชรบุรี ,สุขุมวิท ซอย 10 และ ศาลาแดง ส่วนอีก 2 อาคารจะเป็น อาคารสำนักงานให้เช่า คือ คิวเฮ้าส์สาทร ส่วนอีก 1 อาคารอยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าของที่ดิน เนื่องจากเป็นที่ดินเช่า

อย่างไรก็ตาม แผนการเพิ่มขนาดของกองทุนรวมฯนั้น คงจะต้องรอความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการยกเลิกกันสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us