|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ตลาดหุ้นไทยพุ่งกว่า 24 จุด หรือเกือบ 3% สอดคล้องตลาดหุ้นทั่วโลกที่เริงร่ารับข่าวเฟดจ่อลดดอกเบี้ยอีกครั้งเพื่อบรรเทาพิษซับไพรม์ ด้านโบรกเกอร์ชี้ตลาดหุ้นดาวโจนส์ยังกำหนดทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก แนะจับตาการพิจารณาคดีแปรรูปปตท.ของศาลปกครองสูงสุดนัดแรกวันนี้ ย้ำชัดพื้นฐานไม่เปลี่ยน ขณะที่บล.ธนชาต เชื่อปี 51 ตลาดหุ้นไทยจะผันผวนตลอดทั้งปี
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (29 พ.ย.) ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดทั้งวันตามตลาดหุ้นต่างประเทศหลังนักลงทุนเริ่มมั่นใจต่อท่าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ในการแก้ไขปัญหาซับไพรม์ โดยตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมาปิดที่ระดับสูงสุดของวันที่ 844.80 จุด เพิ่มขึ้น 24.28 จุด หรือเพิ่มขึ้น 2.96% ขณะที่จุดต่ำสุดระหว่างวันอยู่ที่ 832.01 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขาย 22,309 .07 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 88.27 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 2,047.51 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,959.25 ล้านบาท
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ UOBKH กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงซึ่งเป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับ 2% หลังจากที่นักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนในประเทศได้คลายความกังวลในปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำของสหรัฐอเมริกา (ซัพไพรม์)และจากการที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในวันที่ 11 ธันวาคม 2550
ทั้งนี้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ปิโตรเคมีฯ โดยการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นบริษัท ปตท. จำกัด (จำกัด )มหาชน หรือ PTT ถึง 10 บาทเนื่องจากเข้าใจว่าการพิจารณาของศาลปกครองในวันนี้เป็นเพียงการพิจารณารอบแรก ในขณะที่พื้นฐานของปตท.นั้นไม่เปลี่ยนแปลง โดยราคาเหมาะสมของ PTT ในปีหน้าอยู่ที่ 400 บาทต่อหุ้น ขณะที่หุ้นบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANBU ปรับตัวขึ้น 20 บาท เนื่องจากมีการเข้ามาเก็งกำไรเกี่ยวกับผลดีจากการนำบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียช่วงเดือนหน้า
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อแต่จะมีความผันผวนจากการที่วานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง โดยมองแนวรับที่ระดับ 835-837 จุด แนวต้านที่ระดับ 851-853 จุด
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามเทคนิค จากที่ผ่านมาราคาหุ้นได้มีการปรับตัวลงมาแรง จากการเทขายของนักลงทุนต่างประเทศที่ขายหุ้นออกมาทั่วโลกทั้งเดือนพฤศจิกายน และคาดว่าในเดือนธันวาคม คาดว่านักลงทุนต่างประเทศจะเริ่มขายสุทธิลดลงเนื่องจากใกล้ช่วงวันหยุดคริสต์มาส
"นักลงทุนต่างชาติมีการขายหุ้นออกมาแล้ว 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับรอบที่ผ่านมาที่มีการขายสะสม 4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งใกล้ถึงจุดที่จะชะลอการขาย เพราะขายออกมาแล้วจนไม่มีหุ้นขาย จึงอาจต้องกลับเข้ามาซื้อ" นายอดิศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ ประเด็นที่ต้องจับตาในวันนี้ปตท.ว่าศาลฯจะมีการพิจารณาอย่างไร ซึ่งออกมาในทิศทางที่บวกราคาหุ้นก็จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 10-20 บาท แต่หากออกมาในทิศทางลบก็จะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยจากการที่ปตท.มีน้ำหนักต่าตลาดหุ้นไทยถึง 10% โดยมองแนวรับที่ระดับ 836 จุด แนวต้นที่ระดับ 852 จุด
ชี้ดัชนีแตะ1,000จุดยาก
นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการอาวุโส บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกโดยเฉพาะตลาดหุ้นดาวโจนส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมา โดยการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาและในอนาคตคงขึ้นอยู่กับความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นหลัก นักลงทุนที่จะเข้าลงทุนต้องพิจารณาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงของตลาดหุ้นต่างประเทศประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ปัญหาซับไพรม์ในสหรัฐหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าในปีหน้าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากกว่าในปีนี้ซึ่งก็จะส่งผลตามมาถึงตลาดหุ้นทั่วโลกตามไปด้วย โดยผลจากเรื่องดังกล่าวจะทำให้ตลาดหุ้นไทยในปีหน้าจะเคลื่อนไหวผย่างผันผวนต่อเนื่องจากปีนี้
"นักวิเคราะห์หลายคงยังมองในแง่ดีว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีไปแตะระดับ 1 พันมีโอกาสเป็นไปได้ แต่ในแง่ของผลกระทบที่เกิดจากปัญหาซับไพรม์ที่น่าจะรุนแรงกว่าปีนี้ทำให้ส่วนตัวเชื่อว่าอาจจะเป็นไปได้ยาก โดยดัชนีจะเคลื่อนไหวอย่างผันผวนมากขึ้นในปีหน้า"นายแสงธรรมกล่าว
นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงมากกว่าที่คาด ซึ่งประเด็นหลักมาจากปัจจัยต่างประเทศ จากการที่เฟดน่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในเดือนหน้า และปัญหาซัพไพรม์เริ่มที่จะนิ่งแล้ว และจากการที่ซิตี้กรุ๊ป ซึ่งถือว่าเป็นสถาบันขนาดใหญ่ได้มีการขายตราสารซีดีโอออกไปจำนวนมาก ซึ่งทำให้ผลกระทบของปัญหาซัพไพรม์จะมีทิศทางที่ดีขึ้น
"ตลาดหุ้นในภูมิภาคก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาในระดับ 2% จากการที่มองว่าเฟด จะลดอัตราดอกเบี้ย และปัญหาซัพไพรม์เริ่มที่จะนิ่งแล้ว "นายเจริญกล่าว
|
|
 |
|
|