Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน30 พฤศจิกายน 2550
ลุ้นเฟดลดดบ.ดันหุ้นพุ่ง 24 จุด จับตาดคีปตท.นัดแรก             
 


   
search resources

Stock Exchange




ตลาดหุ้นไทยพุ่งกว่า 24 จุด หรือเกือบ 3% สอดคล้องตลาดหุ้นทั่วโลกที่เริงร่ารับข่าวเฟดจ่อลดดอกเบี้ยอีกครั้งเพื่อบรรเทาพิษซับไพรม์ ด้านโบรกเกอร์ชี้ตลาดหุ้นดาวโจนส์ยังกำหนดทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก แนะจับตาการพิจารณาคดีแปรรูปปตท.ของศาลปกครองสูงสุดนัดแรกวันนี้ ย้ำชัดพื้นฐานไม่เปลี่ยน ขณะที่บล.ธนชาต เชื่อปี 51 ตลาดหุ้นไทยจะผันผวนตลอดทั้งปี

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (29 พ.ย.) ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดทั้งวันตามตลาดหุ้นต่างประเทศหลังนักลงทุนเริ่มมั่นใจต่อท่าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ในการแก้ไขปัญหาซับไพรม์ โดยตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมาปิดที่ระดับสูงสุดของวันที่ 844.80 จุด เพิ่มขึ้น 24.28 จุด หรือเพิ่มขึ้น 2.96% ขณะที่จุดต่ำสุดระหว่างวันอยู่ที่ 832.01 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขาย 22,309 .07 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 88.27 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 2,047.51 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,959.25 ล้านบาท

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ UOBKH กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงซึ่งเป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับ 2% หลังจากที่นักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนในประเทศได้คลายความกังวลในปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำของสหรัฐอเมริกา (ซัพไพรม์)และจากการที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในวันที่ 11 ธันวาคม 2550

ทั้งนี้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ปิโตรเคมีฯ โดยการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นบริษัท ปตท. จำกัด (จำกัด )มหาชน หรือ PTT ถึง 10 บาทเนื่องจากเข้าใจว่าการพิจารณาของศาลปกครองในวันนี้เป็นเพียงการพิจารณารอบแรก ในขณะที่พื้นฐานของปตท.นั้นไม่เปลี่ยนแปลง โดยราคาเหมาะสมของ PTT ในปีหน้าอยู่ที่ 400 บาทต่อหุ้น ขณะที่หุ้นบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANBU ปรับตัวขึ้น 20 บาท เนื่องจากมีการเข้ามาเก็งกำไรเกี่ยวกับผลดีจากการนำบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียช่วงเดือนหน้า

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อแต่จะมีความผันผวนจากการที่วานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง โดยมองแนวรับที่ระดับ 835-837 จุด แนวต้านที่ระดับ 851-853 จุด

นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามเทคนิค จากที่ผ่านมาราคาหุ้นได้มีการปรับตัวลงมาแรง จากการเทขายของนักลงทุนต่างประเทศที่ขายหุ้นออกมาทั่วโลกทั้งเดือนพฤศจิกายน และคาดว่าในเดือนธันวาคม คาดว่านักลงทุนต่างประเทศจะเริ่มขายสุทธิลดลงเนื่องจากใกล้ช่วงวันหยุดคริสต์มาส

"นักลงทุนต่างชาติมีการขายหุ้นออกมาแล้ว 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับรอบที่ผ่านมาที่มีการขายสะสม 4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งใกล้ถึงจุดที่จะชะลอการขาย เพราะขายออกมาแล้วจนไม่มีหุ้นขาย จึงอาจต้องกลับเข้ามาซื้อ" นายอดิศักดิ์กล่าว

ทั้งนี้ ประเด็นที่ต้องจับตาในวันนี้ปตท.ว่าศาลฯจะมีการพิจารณาอย่างไร ซึ่งออกมาในทิศทางที่บวกราคาหุ้นก็จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 10-20 บาท แต่หากออกมาในทิศทางลบก็จะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยจากการที่ปตท.มีน้ำหนักต่าตลาดหุ้นไทยถึง 10% โดยมองแนวรับที่ระดับ 836 จุด แนวต้นที่ระดับ 852 จุด

ชี้ดัชนีแตะ1,000จุดยาก

นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการอาวุโส บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกโดยเฉพาะตลาดหุ้นดาวโจนส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมา โดยการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาและในอนาคตคงขึ้นอยู่กับความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นหลัก นักลงทุนที่จะเข้าลงทุนต้องพิจารณาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงของตลาดหุ้นต่างประเทศประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ ปัญหาซับไพรม์ในสหรัฐหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าในปีหน้าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากกว่าในปีนี้ซึ่งก็จะส่งผลตามมาถึงตลาดหุ้นทั่วโลกตามไปด้วย โดยผลจากเรื่องดังกล่าวจะทำให้ตลาดหุ้นไทยในปีหน้าจะเคลื่อนไหวผย่างผันผวนต่อเนื่องจากปีนี้

"นักวิเคราะห์หลายคงยังมองในแง่ดีว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีไปแตะระดับ 1 พันมีโอกาสเป็นไปได้ แต่ในแง่ของผลกระทบที่เกิดจากปัญหาซับไพรม์ที่น่าจะรุนแรงกว่าปีนี้ทำให้ส่วนตัวเชื่อว่าอาจจะเป็นไปได้ยาก โดยดัชนีจะเคลื่อนไหวอย่างผันผวนมากขึ้นในปีหน้า"นายแสงธรรมกล่าว

นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงมากกว่าที่คาด ซึ่งประเด็นหลักมาจากปัจจัยต่างประเทศ จากการที่เฟดน่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในเดือนหน้า และปัญหาซัพไพรม์เริ่มที่จะนิ่งแล้ว และจากการที่ซิตี้กรุ๊ป ซึ่งถือว่าเป็นสถาบันขนาดใหญ่ได้มีการขายตราสารซีดีโอออกไปจำนวนมาก ซึ่งทำให้ผลกระทบของปัญหาซัพไพรม์จะมีทิศทางที่ดีขึ้น

"ตลาดหุ้นในภูมิภาคก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาในระดับ 2% จากการที่มองว่าเฟด จะลดอัตราดอกเบี้ย และปัญหาซัพไพรม์เริ่มที่จะนิ่งแล้ว "นายเจริญกล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us