APดึงทุนแปซิฟิค สตาร์ฯเสริมความแข็งเกร็งด้านการเงิน-เสริมโนฮาวน์จากต่างประเทศรุกธุรกิจคอนโดฯเต็มลูกสูบ จัดตั้ง 2 บริษัท ผุดคอนโดฯ 2 โครงการย่านสาทรและรัชดาภิเษก มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท มุ่งอัพเกรดมาตรฐานอสังหาริมทรัพย์ไทยสู่ระดับ World Class พร้อมเปิดตัวโครงการช่วงกลางปี 2551
ปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์เกือบทั้งตลาดอยู่ในมือของผู้ประกอบการรายใหญ่ ทำให้การแข่งขันทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระยะเวลาพัฒนา สินค้า คุณภาพและอื่นๆ การสร้างอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นโจทย์สำคัญของผู้ประกอบการ เพราะที่ผ่านมาแต่ละบริษัท มีอัตราการเติบโตที่สูงในช่วงก่อนหน้านี้ และยิ่งฐานบริษัทใหญ่ขึ้น ตัวเลขการเติบโตยิ่งทำได้ยากในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ AP เป็นหนึ่งในกรณีข้างต้น เพราะแม้ว่า จะสามารถขายสินค้า โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมได้เป็นอย่างดี แต่ละโครงการที่เปิดมาในช่วงต้นปีที่ผ่านมายอดขายเกือบ 100% ในทุกโครงการ โดยตัวเลขยอดขายเฉพาะโครงการคอนโดฯ เพียงอย่างเดียว มีจำนวนถึง 10,000 ล้านบาท จากตัวเลขยอดขาย 11 เดือนกว่า 15,000 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีจะอยู่ที่ 16,000 ล้านบาท
"ในปีนี้ AP เปิดโครงการจำนวนมากนับจากต้นปี เนื่องจากบริษัทได้เงินจากการขายตึกอาร์เอส ทองหล่อ ทำให้มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนเพียง 0.6:1 จึงสามารถซื้อที่ดินได้เยอะ และที่ผ่านมาการซื้อที่ดินเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สิ้นปีนี้ หนี้สินต่อทุนเพิ่มเป็น 1:1 และจะทำให้เราซื้อที่ดินได้ลดลง และจากกระแสเงินสดที่เรามีอยู่ มีแรงเหวี่ยงไม่มากพอ ที่จะทำให้เราเติบโตในระดับที่ต้องการได้" นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ฯ กล่าว
นายภูมิพัฒน์ กล่าวเชื่อว่าในปี 2551 ยอดขายของบริษัทจะไม่เท่ากับปีนี้ ที่มีการเปิดตัวโครงการคอนโดฯมาก แต่ยอดรับรู้รายได้จะอยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยเป็นยอดรับรู้จากยอดขายที่รอรับรู้รายได้จากปีนี้ประมาณ 4,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นอกจากโจทย์เกี่ยวกับภาวการณ์แข่งขันในตลาด และการรักษาอัตราการเติบโตแล้ว สิ่งหนึ่งที่APจะต้องรีบปรับตัว คือ การคิดค้นหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมา เพื่อดึงความสนใจจากลูกค้าและสร้างยอดขาย ดังนั้นAPจึงหากลุ่มทุนที่มีความแข็งแกร่งทั้งด้านการเงิน และเทคโนโลยี (โนฮาวน์)ที่APไม่มี
จึงเกิดความร่วมมือระหว่างAPและกลุ่มแปซิฟิค สตาร์ฯ ขึ้นมา โดยนาย อนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารAPกล่าวว่า ในอนาคตผู้ประกอบการที่สามารถปรับตัว โดยนำความรู้ใหม่ๆ เข้ามาพัฒนาสินค้าอยู่ตลอดเวลา จะสามารถอยู่รอดได้ในระยะยาว ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงได้ร่วมมือทางธุรกิจกับกลุ่มแปซิฟิค สตาร์ฯ ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารด้านการลงทุนอสังหาฯครบวงจรในภูมิภาคเอเชีย โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ในการนำความรู้และความเชี่ยวชาญใหม่ๆ มาดำเนินธุรกิจร่วมกัน เพื่อยกระดับอสังหาริมทรัพย์ไทยให้เข้าสู่ระดับ World Class โดยมีฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะกับการอยู่อาศัยของคนไทย ผ่านการบริหารจัดการ โดยสำนักงานที่จัดตั้งขึ้นภายในประเทศไทย คือ บริษัท แปซิฟิค สตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด
"การร่วมทุนทางธุรกิจในครั้งนี้ ถือเป็นการเคลื่อนไหวด้านกลยุทธ์ที่สำคัญของทางบริษัท ซึ่งนอกจาก AP จะได้มีโอกาสเรียนรู้วิทยาการใหม่ๆ ทั้งในเรื่องของโปรดักส์ ดีไซน์ รูปแบบงานดีไซน์และเทคนิคการก่อสร้างใหม่ๆ ที่น่าสนใจ ตลอดจนจุดแข็งของแปซิฟิค สตาร์ฯ ที่เป็นผู้จัดการกองทุนต่างชาติที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน ตลอดจนมีพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอสังหาฯอยู่ทั่วโลก มั่นใจว่า สิ่งที่ได้รับจากการร่วมทุนในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสในการทำการตลาดกับผู้ซื้อชาวต่างประเทศแล้ว AP ยังสามารถนำความรู้ใหม่ๆ ที่ได้รับ มาพัฒนาอสังหาฯไทยให้ก้าวไประดับ World Class ตามที่ตั้งใจไว้จริงๆ" นายอนุพงษ์กล่าว
ทั้งนี้ จากการร่วมทุนได้มีการจัดตั้งบริษัทใหม่จำนวน 2 บริษัท คือ 1. บริษัท เอพี แปซิฟิค สตาร์ (สาทร) จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการบนทำเลย่านสาทร ซอย 12 พื้นที่ประมาณ 3.2 ไร่ มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยจะพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์แบรนด์ The Address สามารถสร้างเป็นอาคารสูง 20 ชั้นขึ้นไป โดยที่ดินแปลงดังกล่าวจะโอนเข้ามาในไตรมาส 2 ปี 51 ปัจจุบันบริษัทนี้มีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นเป็น 80 ล้านบาทภายในปีนี้และเมื่อโอนที่ดินจะเพิ่มทุนเป็น 400 ล้านบาท
2.บริษัท เอพี แปซิฟิค สตาร์ (รัชดา) จำกัด ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีรัชดาภิเษก พื้นที่ประมาณ 7 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยที่ดินบริเวณนี้สามารถสร้างตึกสูงได้ 36 ชั้น พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์แบรนด์ Life ปัจจุบันบริษัทดังกล่าวมีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 385 ล้านบาทเมื่อโอนที่ดินในไตรมาส 1
ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนารูปแบบโครงการทั้ง 2 แห่ง ให้มีความพิเศษและแตกต่างจากรูปแบบโครงการเดิมที่ AP กำลังทำงานอยู่ ซึ่งคาดว่าทั้ง 2 โครงการจะพร้อมเปิดตัวได้ในช่วงกลางปี 2551
สำหรับความชัดเจนในการร่วมทุนในครั้งนี้เอพี ถือหุ้นจำนวน 51% โดยจะรับหน้าที่หลักในการบริหารโครงการทั้งหมด และทางแปซิฟิค สตาร์ จะนำเอาความเชี่ยวชาญจากการพัฒนาโครงการในประเทศต่างๆ เข้ามาช่วย
|