Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน30 พฤศจิกายน 2550
เศรษฐกิจไทยปี51ยังเสี่ยง พิษน้ำมัน-ซับไพร์มสหรัฐ             
 


   
search resources

Economics




นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ได้ประมาณการภาวะเศรษฐกิจของไทยปี 2551 คาดว่า จะขยายตัว 4.6% เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่คาดว่า ขยายตัว 4.2% เนื่องจากผลกระทบจากราคาน้ำมัน ซึ่งมีแนวโน้มค่าเฉลี่ยราคาขยับขึ้นอีก 5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มจาก 65-68 เหรียญสหรัฐ เป็น 70-72 เหรียญสหรัฐในปีหน้า ทำให้กระทบต่อราคาเฉลี่ยน้ำมันขายปลีกในประเทศเพิ่มอีก 2 บาทต่อลิตร หรือน้ำมันดีเซลเพิ่มจากลิตรละ 26-27 บาท เป็นลิตร 29-30 บาท น้ำมันเบนซินเพิ่มจากลิตรละ 29-30 บาท เป็นลิตรละ 32-33 บาท ทำให้ไทยขาดดุลสูงขึ้นจากการนำเข้าน้ำมันอีก 50,000 ล้านบาท เป็นปัจจัยกระทบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจลดลง 0.2%

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังได้รับผลกระทบจากการส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ ที่ขณะนี้มีปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) อาจทำให้ระบบธนาคารของสหรัฐไม่ปล่อยเงินสู่ระบบ กระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการค้าของสหรัฐฯ และส่งผลให้กระทบต่อการส่งออกสินค้าไทย ที่คาดว่าปีหน้าการส่งออกไทยจะขยายตัวได้เพียง 8% ยกเว้นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยเงินกู้ 1-2% โดยเริ่มลดในเดือนธ.ค.นี้ 0.5% ปัญหาซับไพรม์ คาดว่า จะคลี่คลายได้บางส่วน

“เมื่อเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1% จะส่งผลให้เงินสหรัฐฯ อ่อนตัวลง แต่ทำให้สกุลยูโรและบาทแข็งขึ้น ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยในปีหน้าน่าจะอยู่ที่ 32.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ หรืออาจลงถึง 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ในระยะเวลาสั้นๆ จะกระทบต่อการส่งออก”

นายธนวรรธน์กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทำให้ไตรมาสแรกปีหน้า การส่งออกไทยมีสถานการณ์น่าห่วงจากปัญหาค่าบาทแข็ง รัฐบาลต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย และควรเปิดด่านชายแดนถาวรเพื่อลดอุปสรรคการค้าชายแดน ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวกลับมา ทำให้มีการใช้จ่าย การลงทุน และการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น จะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ภายในครึ่งปีหลังบนพื้นฐานการเมืองนิ่งและมีเสถียรภาพ

สำหรับการวิเคราะห์เศรษฐกิจแต่ละภูมิภาค พบว่า ทุกภูมิภาคมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในทิศทางเดียวกัน คือ ปี 2550 เศรษฐกิจจะต่ำสุดในไตรมาส 3 และเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 4 โดยปัจจัยส่งเสริมให้เศรษฐกิจทุกภูมิภาคขยายตัวสูงขึ้นในไตรมาสสุดท้าย ได้แก่ สินค้าภาคเกษตรยังมีราคาในเกณฑ์ดี รวมทั้งการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในเทศกาลปีใหม่และการเลือกตั้ง ทำให้เงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจทุกภูมิภาคเพิ่มขึ้น

“ไตรมาสสุดท้าย เศรษฐกิจภูมิภาคจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น เพราะเข้าสู่ช่วงหน้าหนาว มีเทศกาลปีใหม่ และการเลือกตั้ง ทำให้มีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายหาเสียง รายได้จากการท่องเที่ยวโดยเฉพาะภาคเหนือ ยกเว้นความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้ อาจกระทบต่อการท่องเที่ยวใต้ตอนล่าง แต่ภาครวมถือว่ามีความคึกคักมากขึ้น”   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us