|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
หุ้นในเครือข่าย "เจ๊แดง" แรงถ้วนหน้า WIN , MLINK มากันพรึบ ขนาด TRAF ที่ขายออกไปแล้วยังสร้างอภินิหารพุ่งกว่า 300% ตลาดหลักทรัพย์ทำได้แค่ห้าม Net Settlement ส่วน TFI แรงตาม"กึ้ง"มหากิจศิริ ส่วน IEC ร้อนมาตามพายัพ โบรกคาดขาย WIN แต่สร้างภาพ เหตุคนซื้อได้งานสมัยไทยรักไทยไม่น้อย
หลังจากที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับเพิ่มขึ้นไปเหนือ 915 จุด ด้วยพลังของหุ้นตัวใหญ่ในกลุ่มพลังงานไปแล้ว และเริ่มมีแรงขายหุ้นออกมาจากนักลงทุนต่างประเทศทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไหลรูดลงมาถึง 812 จุดภายในระยะเวลาไม่นาน ในรอบนี้ไม่เพียงแค่ฝรั่งเท่านั้นที่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ แต่อาจจะมีกลุ่มการเมืองบางกลุ่มในร่างทรงต่างชาติได้กำไรไปไม่น้อยเช่นกัน
ในยามที่ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาลง แต่หุ้นตัวเล็ก ๆ กลับคึกคักขึ้นมาอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองที่เริ่มมีแรงซื้อขายเข้ามาหนาแน่นในช่วงที่มีการรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)แบบสัดส่วนตั้งแต่ 7 พฤศจิกายนเป็นต้นมา ต่อเนื่องกันจนถึงสมัคร ส.ส.เขตในช่วง 12-16 พฤศจิกายน
แต่ที่มาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคม ราคาหุ้นจากเกือบ 2 บาทกระโดดขึ้นมาเป็น 8.25 บาทเพียงแค่ 16 วันทำการ ผลตอบแทนมากกว่า 300% นั่นคือหุ้นบริษัท ทราฟฟิกคอร์นเนอร์โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TRAF ที่อดีตกลุ่มเจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์เคยถือหุ้นใหญ่ รวมถึงหุ้นตัวอื่น ๆ ในเครือข่ายวงศ์สวัสดิ์ก็ขยับขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นบริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ WIN และบริษัท เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MLINK ซึ่งครั้งนี้ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ลงสนามการเมืองที่เชียงใหม่ ในนามพรรคพลังประชาชน
ตามมาด้วยการกลับมาคึกคักอีกครั้งของหุ้นเก็งกำไรอย่างบริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC ที่ว่ากันว่ามีพายัพ ชินวัตร เข้ามาลงทุนอยู่เป็นประจำ และที่แหวกขึ้นมาคือบริษัท ไทยฟิล์มอินดัสตรี่ จำกัด (มหาชน) ที่เฉลิมชัย มหากิจศิริ ลงสนามการเมืองในนามพลังประชาชน
ขาใหญ่รอดตรวจสอบ
แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์กล่าวว่า ถือว่าเป็นไปตามฤดูกาลที่เมื่อใกล้เลือกตั้งหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองมักปรับตัวขึ้นมาอย่างโดดเด่น จากเดิมที่หุ้นเหล่านี้มีการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ส่วนราคาหุ้นจะขึ้นเพราะอะไรนั้นขาใหญ่ที่เข้าไปเล่นหุ้นเท่านั้นที่จะตอบได้ว่าเข้าไปซื้อขายเพื่ออะไร เงินที่ได้นำไปใช้อะไร
สถานการณ์อย่างนี้หากจะไปพึ่งหน่วยงานอย่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) คงยาก เพราะทั้ง 2 หน่วยงานก็ไม่รู้ว่าใครจะเข้ามาเป็นเจ้านายในอนาคต ดังนั้นเราจึงได้เห็นคำตอบจากตลาดหลักทรัพย์ว่ายังไม่พบว่าหุ้นกลุ่มการเมืองมีการซื้อขายผิดปกตินั้น
เราเชื่อว่าตลาดหลักทรัพย์ก็ทราบว่าใครเล่นหุ้นตัวไหนอยู่ หากจะเอาเกณฑ์เรื่องการได้หุ้นมา 5% หรือ 25% นั้น คงไม่มีทางที่จะเข้าไปตรวจสอบแน่ เนื่องจากนักลงทุนรายใหญ่วันนี้เขาศึกษากฎเกณฑ์ของทางการมาเป็นอย่างดี ดังนั้นการได้หุ้นมาข้ามเกณฑ์ที่ 5% นั้นคงไม่เกิดขึ้น อีกทั้งหุ้นเหล่านี้เป็นหุ้นเก็งกำไร ซื้อและขายกันภายในวันเดียว
ที่สำคัญพวกเขาไม่ได้ทำแค่หุ้นตัวเดียว แต่ทำกันหลายตัวสลับกันไปมา เมื่อตัวหนึ่งปรับขึ้นมาถึงระดับหนึ่งก็จะเปลี่ยนไปเล่นตัวอื่น ช่วงนั้นอาจมีการเทขายทำกำไรออกมา และการเข้าไปลงทุนนั้นจะไม่ปรากฏชื่อของนักการเมืองเข้าไปซื้อ ๆ ขาย ๆ แต่จะเป็นบุคคลอื่นทำหน้าที่แทน
การสร้างราคาหุ้นนั้นไม่จำเป็นต้องสร้างราคาหุ้นให้ขึ้นไปอย่างต่อเนื่องเพียงอย่างเดียว เพราะวิธีการนี้จะถูกจับตาจากทางการหรือฝ่ายตรงข้ามได้ง่าย พวกเขาสามารถดันราคาหุ้นและขายหุ้นออกเมื่อได้กำไร จากนั้นค่อยสร้างรอบกันใหม่ วิธีการนี้ทำได้สะดวกและปลอดภัยกว่า
ในสถานการณ์ปกติที่ไม่มีบรรยากาศการเลือกตั้งเข้ามาเกี่ยว หุ้นเหล่านี้มีการซื้อขายกันอย่างร้อนแรง ทางตลาดหลักทรัพย์ก็ตรวจสอบไม่ได้อยู่แล้ว อย่างมากขึ้นเครื่องหมายเตือนนักลงทุน ห้ามซื้อขายด้วยระบบมาร์จิ้นหรือขึ้นเครื่องหมายพักการซื้อขายเท่านั้นหากหุ้นตัวนั้นร้อนแรงเกินไปเท่านั้น
"ดีที่สุดของรายย่อยคืออย่าเข้าไปยุ่ง และอย่าคิดว่าจะสามารถเอาชนะขาใหญ่ได้ เพราะเขาจะรู้ว่าเป้าหมายของราคาขายอยู่ที่ดีและควรซื้อที่ราคาใด ด้วยเงินทุนและหุ้นที่มีอยู่ในมือ"
คนกันเอง
โบรกเกอร์รายหนึ่งกล่าวว่า กรณีของ WIN ที่กลุ่มวงศ์สวัสดิ์แสดงเจตนาที่จะขายหุ้นอีก หลังจากที่ขายหุ้นออกมามากว่า 187 ล้านหุ้น ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของการให้ชินณิชาลูกสาวเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ลงสนามการเมืองแทน แต่ถ้าพิจารณาให้ดีจะพบว่ากลุ่มที่เข้ามาซื้ออย่างจักร จามิกรณ์และกลุ่มสามประสิทธิ์นั้นเป็นนักธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการได้งานในสมัยรัฐบาลไทยรักไทยมาโดยตลอด จึงไม่แน่ใจว่าการขายหุ้นครั้งนี้จะเป็นการขายหุ้นจริงหรือแค่การขายฝากเท่านั้น
เราได้เห็นการขายหุ้นของกลุ่มวงศ์สวัสดิ์ใน TRAF มาแล้ว โดยขายให้กับพันธมิตรอย่างกลุ่มสามารถ แต่ก็น่าประหลาดตรงที่ช่วงนี้ TRAF กลับร้อนแรงอย่างมากในช่วงนี้ ล่าสุดเพิ่งถูกห้ามซื้อขายแบบ Net Settlement และให้ซื้อขายเฉพาะเงินสด ทั้งที่กลุ่มวงศ์สวัสดิ์ขายหุ้นออกไปแล้ว เช่นเดียวกับ WIN ที่กลุ่มวงศ์สวัสดิ์ขายหุ้นออกไป ราคาหุ้นก็ยังวิ่งต่อเนื่อง
ที่น่าสนใจคือคำสั่งขายหุ้นของยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ จำนวน 45 ล้านหุ้นเมื่อ 16 พฤศจิกายนนั้น แจ้งว่าเป็นความผิดพลาดในการทำรายการทำให้ซื้อหุ้นกลับไป เวลานี้ราคาหุ้น WIN เพิ่มขึ้นกว่าราคาที่ขายไป(1.02บาท)ราว 25-35% ถ้าราคาหุ้นเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วค่อยขายตอนหลังน่าจะสร้างรายได้ให้กับกลุ่มวงศ์สวัสดิ์ไม่น้อย เพราะถ้าไล่ต้นทุน WIN เชื่อว่ากลุ่มวงศ์สวัสดิ์ได้หุ้นตัวนี้มาไม่น่าเกิน 0.45 บาทต่อหุ้น หุ้นที่ขายออกไปแล้วน่าจะคุ้มค่ากับเงินลงทุนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และแม้ว่ายศชนันจะขายหุ้นทั้งหมดออกไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มวงศ์สวัสดิ์จะทิ้ง WIN ไปทั้งหมดเพราะที่ผ่านมามีการโอนหรือขายหุ้นให้กับคนใกล้ชิดอีกหลายล้านหุ้น
|
|
|
|
|