เอแคปฯ เตรียมขายหุ้นเพิ่มทุน 50 ล้านหุ้นให้นักลงทุนรายใหญ่ในประเทศ เพิ่มฟรีโฟลทหุ้นปีหน้าแต่อาจปรับราคาขายสูงกว่า 7 บาทต่อหุ้น ผู้บริหาร ลั่นปีหน้า รายได้โต 100% จากปีนี้ 500 ล้านบาท เหตุงานในมือล้น เล็งลุยงานบริหารหนี้ด้อยฯในต่างประเทศเพิ่มอีก 2 ประเทศหลังบุกมาเลเซีย พร้อมเว้นวรรคซื้อบริษัทใหม่ 2 ปี
นายศฤงคาร สุทัศน์ชูโต กรรมการ บริษัท เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด (มหาชน)หรือ ACAP เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะปรับเพิ่มราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่เหลืออีก 50 ล้านหุ้น จากราคาหุ้นละ 7 บาท ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายในปีหน้า หลังจากที่มีการเสนอหุ้นให้กับสถาบันการเงินอเมริกา 20-25 ล้านหุ้น ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายได้ภายในเดือนธันวาคมนี้
โดยการที่บริษัทได้มีการขายหุ้นให้กับนักลงทุนรายใหญ่ในประเทศเพราะ หลังจากที่บริษัทได้เสนอขายหุ้นให้กับบริษัท ORIX Corporation และสถาบันอเมริกา ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศของบริษัทเกือบเต็มเพดานที่ 49% และเพิ่มปริมาณหุ้นหมุนเวียนในตลาด(ฟรีโฟลท)มากขึ้นจากขณะนี้ที่มีเพียง 10%
"ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมนักลงทุนไทยถึงไม่เข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทจากราคาหุ้นในกระดานอยู่ที่ 5 บาท แต่นักลงทุนต่างประเทศกับสนใจเข้ามาถือหุ้นจำนวนมากแม้บริษัทจะขายหุ้นในราคาที่สูงกว่าในกระดานถึง 10% แต่ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะนักลงทุนไทยไม่เข้าใจธุรกิจของบริษัท โดยปีหน้าเราจะเริ่มประชาสัมพันธ์บริษัทมากขึ้น เพื่อให้นักลงทุนเข้ามาเทรดหุ้นของบริษัท " นายศฤงคาร กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดรายได้รวมปี 2551 เพิ่มขึ้น 100% จากปีนี้ ที่มีรายได้ 500 ล้านบาท ซึ่งรายได้จะมาจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยคิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 40% ซึ่งขณะนี้มีงานในมือ 24,000 ล้านบาท และปีนี้บริษัทกำลังประมูลงานเพิ่มอีกโดยจะรับรู้ในปีหน้า และปี 51 บริษัทคาดว่าจะประมูลงานเพิ่มอีก 20,000 ล้านบาทหรือ30% ของมูลค่าหนี้ที่จะมีการนำออกมาขาย 50,000 –60,000 ล้านบาท โดยการซื้อหนี้ด้อยฯของบริ้ษัทจะต้องมีผลตอบแทนการลงทุน(IRR)ประมาณ15%และมีอัตรากำไรขั้นต้น (กรอสมาร์จิ้น)30%
นอกจากนี้ ยังจะรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อหุ้นบริษัท แคปปิตอล โอเค จำกัด ในสัดส่วน 40% จากรายได้ด้านดอกเบี้ยรับ จากที่คาดว่าจะมีมูลค่าหนี้ที่เกิดจากการปล่อยเพื่ออุปโภคและบริโภคเฉลี่ยทั้งปี 3,000 ล้านบาท และคิดอัตราดอกเบี้ย 24% ต่อปี โดยขณะบริษัทอยู่ระหว่างหารือกับผู้สอบบัญชีว่าจะต้องตั้งสำรองหนี้สูญของ แคปปิตอล โอเค เพิ่มหรือไม่ ซึ่งหากต้องตั้งเพิ่มคาดว่าจะไม่เกิน 500 ล้านบาท เพราะบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SHIN) ได้ตั้งสำรองฯไปแล้ว 1,500 ล้านบาท และคาดว่าจะไม่กระทบกับส่วนผู้ถือหุ้น
อย่างไรก็ตามบริษัทคาดแคปปิตอล โอเค จะมีผลกำไรในปี 2552 ซึ่งจะทำให้บริษัทคุ้มทุนในปีดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนงานของแคปปิตอล โอเค และบริษัทจะรับรู้รายได้ด้านที่ปรึกษาทางเงินในสัดส่วน20% ซึ่งขณะนี้มีงานในมือ 22,000 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเจรจารับเงินเพิ่ม อีก 2 ราย มูลค่าระดมทุนบริษัทละ 1 พันล้านบาท โดยหลังจากที่บริษัทซื้อหุ้น แคปปิตอล โอเค แล้วบริษัทจะไม่เข้าลงทุนบริษัทใหม่ไประยะ2ปีนี้อีก เพราะต้องดูแลธุรกิจให้เรียบร้อยก่อน
นายศฤงคาร กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยฯในต่างประเทศมากขึ้น หลังได้ตั้งสำนักงานที่มาเลเซียแล้วในปีนี้ เพราะต้องการให้ธุรกิจที่มาเลเซียเดินหน้าไปก่อน 7-8 เดือน จึงจะขยายไปยังประเทศในแถบนี้ คือ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย โดยช่วง 1 ปีแรกเริ่มต้นในมาเลเซียจะรับเป็นผู้บริหารหนี้ก่อนจากนั้นจะมีการซื้อหนี้เข้ามาบริหารเอง ซึ่งคาดว่าปีหน้ามาเลเซียจะนำหนี้ออกมาเสนอขาย 20,000 ล้านบาท
|