Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน23 พฤศจิกายน 2550
ACAPเล็งหาขาใหญ่เทรดหุ้น ดันฟรีโฟลทเพิ่มเข้าเกณฑ์ตลท.             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด (มหาชน)

   
search resources

Consultants and Professional Services
เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่, บมจ.




เอแคปฯ เตรียมขายหุ้นเพิ่มทุน 50 ล้านหุ้นให้นักลงทุนรายใหญ่ในประเทศ เพิ่มฟรีโฟลทหุ้นปีหน้าแต่อาจปรับราคาขายสูงกว่า 7 บาทต่อหุ้น ผู้บริหาร ลั่นปีหน้า รายได้โต 100% จากปีนี้ 500 ล้านบาท เหตุงานในมือล้น เล็งลุยงานบริหารหนี้ด้อยฯในต่างประเทศเพิ่มอีก 2 ประเทศหลังบุกมาเลเซีย พร้อมเว้นวรรคซื้อบริษัทใหม่ 2 ปี

นายศฤงคาร สุทัศน์ชูโต กรรมการ บริษัท เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด (มหาชน)หรือ ACAP เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะปรับเพิ่มราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่เหลืออีก 50 ล้านหุ้น จากราคาหุ้นละ 7 บาท ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายในปีหน้า หลังจากที่มีการเสนอหุ้นให้กับสถาบันการเงินอเมริกา 20-25 ล้านหุ้น ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายได้ภายในเดือนธันวาคมนี้

โดยการที่บริษัทได้มีการขายหุ้นให้กับนักลงทุนรายใหญ่ในประเทศเพราะ หลังจากที่บริษัทได้เสนอขายหุ้นให้กับบริษัท ORIX Corporation และสถาบันอเมริกา ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศของบริษัทเกือบเต็มเพดานที่ 49% และเพิ่มปริมาณหุ้นหมุนเวียนในตลาด(ฟรีโฟลท)มากขึ้นจากขณะนี้ที่มีเพียง 10%

"ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมนักลงทุนไทยถึงไม่เข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทจากราคาหุ้นในกระดานอยู่ที่ 5 บาท แต่นักลงทุนต่างประเทศกับสนใจเข้ามาถือหุ้นจำนวนมากแม้บริษัทจะขายหุ้นในราคาที่สูงกว่าในกระดานถึง 10% แต่ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะนักลงทุนไทยไม่เข้าใจธุรกิจของบริษัท โดยปีหน้าเราจะเริ่มประชาสัมพันธ์บริษัทมากขึ้น เพื่อให้นักลงทุนเข้ามาเทรดหุ้นของบริษัท " นายศฤงคาร กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทคาดรายได้รวมปี 2551 เพิ่มขึ้น 100% จากปีนี้ ที่มีรายได้ 500 ล้านบาท ซึ่งรายได้จะมาจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยคิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 40% ซึ่งขณะนี้มีงานในมือ 24,000 ล้านบาท และปีนี้บริษัทกำลังประมูลงานเพิ่มอีกโดยจะรับรู้ในปีหน้า และปี 51 บริษัทคาดว่าจะประมูลงานเพิ่มอีก 20,000 ล้านบาทหรือ30% ของมูลค่าหนี้ที่จะมีการนำออกมาขาย 50,000 –60,000 ล้านบาท โดยการซื้อหนี้ด้อยฯของบริ้ษัทจะต้องมีผลตอบแทนการลงทุน(IRR)ประมาณ15%และมีอัตรากำไรขั้นต้น (กรอสมาร์จิ้น)30%

นอกจากนี้ ยังจะรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อหุ้นบริษัท แคปปิตอล โอเค จำกัด ในสัดส่วน 40% จากรายได้ด้านดอกเบี้ยรับ จากที่คาดว่าจะมีมูลค่าหนี้ที่เกิดจากการปล่อยเพื่ออุปโภคและบริโภคเฉลี่ยทั้งปี 3,000 ล้านบาท และคิดอัตราดอกเบี้ย 24% ต่อปี โดยขณะบริษัทอยู่ระหว่างหารือกับผู้สอบบัญชีว่าจะต้องตั้งสำรองหนี้สูญของ แคปปิตอล โอเค เพิ่มหรือไม่ ซึ่งหากต้องตั้งเพิ่มคาดว่าจะไม่เกิน 500 ล้านบาท เพราะบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SHIN) ได้ตั้งสำรองฯไปแล้ว 1,500 ล้านบาท และคาดว่าจะไม่กระทบกับส่วนผู้ถือหุ้น

อย่างไรก็ตามบริษัทคาดแคปปิตอล โอเค จะมีผลกำไรในปี 2552 ซึ่งจะทำให้บริษัทคุ้มทุนในปีดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนงานของแคปปิตอล โอเค และบริษัทจะรับรู้รายได้ด้านที่ปรึกษาทางเงินในสัดส่วน20% ซึ่งขณะนี้มีงานในมือ 22,000 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเจรจารับเงินเพิ่ม อีก 2 ราย มูลค่าระดมทุนบริษัทละ 1 พันล้านบาท โดยหลังจากที่บริษัทซื้อหุ้น แคปปิตอล โอเค แล้วบริษัทจะไม่เข้าลงทุนบริษัทใหม่ไประยะ2ปีนี้อีก เพราะต้องดูแลธุรกิจให้เรียบร้อยก่อน

นายศฤงคาร กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยฯในต่างประเทศมากขึ้น หลังได้ตั้งสำนักงานที่มาเลเซียแล้วในปีนี้ เพราะต้องการให้ธุรกิจที่มาเลเซียเดินหน้าไปก่อน 7-8 เดือน จึงจะขยายไปยังประเทศในแถบนี้ คือ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย โดยช่วง 1 ปีแรกเริ่มต้นในมาเลเซียจะรับเป็นผู้บริหารหนี้ก่อนจากนั้นจะมีการซื้อหนี้เข้ามาบริหารเอง ซึ่งคาดว่าปีหน้ามาเลเซียจะนำหนี้ออกมาเสนอขาย 20,000 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us