Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน22 พฤศจิกายน 2550
หุ้นไทยจ่อหลุด800จุด15วันฝรั่งทิ้ง3.5หมื่นล.ถือเงินสดอุดพิษซับไพรม์             
 


   
search resources

Stock Exchange




ตลาดหุ้นทั่วเอเชียป่วนหนัก ฝรั่งกระหน่ำขายทิ้ง แค่เดือนพ.ย.ขายแล้วเกือบ 3.5 หมื่นล้านบาท ตลาดหุ้นไทยรูดกว่า 2.7% มาปิด 807 จุด หลังปัญหาซับไพรม์ลามไม่หยุด ล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐฯปรับลดเป้าการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯปีหน้าเหลือแค่ 1.8% จากเดิม 2.75% โบรกฯ ชี้ฝรั่งขายทิ้งหุ้นทั่วเอเชียถือเงินสด เตรียมอุดผลกระทบซับไพรม์อีก ห่วงดัชนีหลุด 800 จุดสัญญาณรูดยาว

ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (21 พ.ย.) ตลาดหุ้นยังถูกกระหน่ำขายจากนักลงทุนต่างชาติสอดรับความกังวลกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ได้ปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯในปีหน้าจาก 2.5-2.75% มาอยู่ที่ 1.8% หลังผลกระทบจากปัญหาสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด โดยส่งผลทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกัน โดยตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาปิดที่ 807.58 จุด ลดลง 22.47 จุด หรือ 2.71% ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของวัน ขณะที่จุดสูงสุดของวัน 828.66 จุด มูลค่าการซื้อขาย 19,711.65 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,934.45 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,272.20 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,662.25 ล้านบาท โดยตั้งแต่ 1 พ.ย.-21 พ.ย.นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิแล้ว 34,134.67 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 6,860.21 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 27,274.47 ล้านบาท

ด้านตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลดลง เช่น ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดที่ระดับ 26,618.19 จุด ลดลง 1,153.02 จุด ส่วนดัชนี สเตรทไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดที่ระดับ 3,349.67 จุด ลดลง 88.60 จุด ด้านดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดที่ระดับ 14,837.66 จุด ลดลง 373.86 จุด

นายทวีรัชต์ มัททวีวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นไทยว่า เป็นการปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วเอเชีย ประกอบกับความกังวลของนักลงทุนต่อผลกระทบจากปัญหาซับไพรม์ที่ยังลุกลามกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งสหรัฐอเมริกาและเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ความกังวลดังกล่าวส่งผลทำให้ที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟดทำการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯปีหน้า จาก 2.5 - 2.75% มาอยู่ที่ 1.8% ขณะที่ล่าสุดเฟรดดี้แมค ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยตัวเลขผลการดำเนินงานขาดทุนในไตรมาสที่ผ่านมาสูงถึง 2.02 พันล้านดอลลาร์ และยังอาจจะได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ การขายทำกำไรของกลุ่มกองทุนประเภทเก็งกำไร หรือ เฮดจ์ฟันด์ เพื่อถือครองเงินสดและชำระภาระเงินกู้ ที่กู้มาจากสถาบันการเงิน จึงทำให้ต้องขายทำกำไรในสินทรัพย์ที่มีผลกำไรจากการลงทุน เนื่องจากอาจจะต้องนำกลับไปหักกลบผลขาดทุนจากการดำเนินงาน จากการลงทุนในซับไพรม์เพิ่มมาอีก

นางสาววราภรณ์ วิบูลย์คณารักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. ซีมิโก้ กล่าวว่า ปัญหาซับไพรม์ยังเป็นประเด็นหลักที่ส่งผลกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่การคาดการณ์ของนักลงทุนต่อกระแสข่าว ที่เฟดอาจจะมีการพิจารณาลดดอกเบี้ยก่อนการประชุมไม่เป็นความจริง เป็นผลให้เกิดแรงเทขายหุ้นออกมาอย่างหนัก

ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุนสำหรับนักลงทุนระยะยาวเป็นช่วงที่เหมาะสม ที่จะทยอยซื้อสะสมหุ้นในกลุ่มพลังงานและอสังหาริมทรัพย์ โดยให้แนวรับไว้ที่ 807-796 จุด และแนวต้าน 819 จุด ขณะที่ต้องระวังแรงขายอาจจะทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญ 800 จุด

ลุ้น4หุ้นน้องใหม่กระตุ้น

แหล่งข่าวนักวิเคราะห์ กล่าวว่า นักลงทุนยังรอปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้นการลงทุน โดยเฉพาะการเข้ามาเทรดของหุ้นใหม่ซึ่งในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา สร้างความคึกคักให้แก่ตลาดหุ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นบริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILL, บมจ.เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน หรือ BWG, บมจ.ไทย เอ็น ดี ที หรือ TNDT, บมจ.ไทยง้วนเมทัล หรือ TYM ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนช่วยสร้างความมั่นใจและสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดีให้แก่ตลาดหุ้นไทยมาระยะหนึ่ง

ทั้งนี้ หุ้นที่เตรียมจะเข้าจดทะเบียนในช่วงปลายปีนี้ยังมีอีก 4 บริษัท ซึ่งประกอบด้วยบมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ MJD, บมจ.ไซแมท เทคโนโลยี หรือ SIMAT, บมจ.บอดี้ โกลฟ (ประเทศไทย) หรือ BGT, บมจ.โลหะกิจ เม็ททอล และบมจ.ไดเมท สยาม คงต้องลุ้นให้ทั้ง 5 หุ้นใหม่สามารถยืนเหนือราคาจองให้ได้ เพื่อสร้างสีสันให้กับตลาดทุนช่วงส่งท้ายปี   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us