Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน21 พฤศจิกายน 2550
อสังหาฯปีหน้าส่อแววรุ่ง แบงก์เล็งขยับเป้าปล่อยกู้ที่อยู่อาศัย             
 


   
search resources

Real Estate




แบงก์เล็งขยับเป้าสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่ม หลังอสังหาริมทรัพย์ปีหน้าส่อแววฟื้น จากภาวะต่างๆที่เอื้ออำนวยกว่าในปีนี้ โดยคาดว่าสินเชื่ออสังหาฯทั้งระบบจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 12-14% ชี้หากเศรษฐกิจไทยปีหน้าโต 4.5-6.0% จะทำให้มีการลงทุนในที่อยู่อาศัยเพิ่ม 4-8% ขณะที่ทิศทางดอกเบี้ยเชื่อครึ่งปีหลังเป็นช่วงขาขึ้น ระบุหากอัตราดอกเบี้ยบ้านเพิ่มขึ้น 1% จะกระทบต่อภาระการผ่อนชำระเพิ่มขึ้น 6%

นางพิมลวรรณ มหัจฉริยวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาค บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวในการสัมมนาเรื่อง "สถานการณ์สินเชื่อที่อยู่อาศัยปี 2550 และแนวโน้มปี 2551"ว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะขยายตัวดีที่สุดอยู่ที่ 4.5-6.0% ซึ่งจะทำให้มีการลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 4-8% จากปีนี้การก่อสร้างโครงการใหม่โดยรวมยังซบเซา ส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยของทั้งระบบจะมีการขยายตัวอยู่ที่ 12-14% จากในปีนี้ขยายตัวอยู่ที่ 9% แต่ในกรณีที่ปัจจัยต่างๆมีผลกระทบที่รุนแรงมากส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจจะอยู่ที่ประมาณ 3.1-4.6% ซึ่งจะทำให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยมีการขยายตัวอยู่ที่ 9-13% และในการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้คาดว่ามีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ซึ่งตอนนี้ตลาดมองว่าเฟดน่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 3 ครั้ง หรือลงไปอยู่ที่ 3.75%

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) กล่าวว่า แนวโน้มสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในปีหน้านั้นภาพรวมแล้วจะยังมีการชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยลบประกอบด้วย ปัญหาทางการเมืองที่ยังไม่มีเสถียรภาพ ปัญหาราคาน้ำมัน และอัตราเงินเฟ้อ ที่ทำให้กำลังซื้อลดลง รวมถึงแนวโน้มราคาบ้านใหม่ปรับเพิ่มขึ้น 5-10% ตามราคาน้ำมันและราคาวัสดุก่อสร้าง โดยในส่วนของสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ทั้งระบบน่าจะอยู่ที่ 10-11% หากปัจจัยด้านการเมืองดีขึ้นและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ แนวโน้มจะมีการปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปีหน้าจะอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยคาดว่าจะปรับตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง จากทิศทางค่าครองชีพและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มปรับขึ้นในไตรมาส 3 เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ส่วนธนาคารบางแห่งอาจปรับดอกเบี้ยขึ้นในไตรมาส 1 เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง โดยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากก่อน ทั้งนี้ ธอส.ตั้งเป้าปี 2550 ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ไว้ที่ 95,000 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมียอดสินเชื่อใหม่ 81,000 ล้านบาท คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีจะไม่ได้ตามเป้าแต่ใกล้เคียงเป้าที่ตั้งไว้ ดังนั้น ในปี 2551 ธอส.จึงตั้งเป้าสินเชื่อไว้ในระดับเดียวกับปีนี้

นางรัชนี นพเมือง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มของสินเชื่อที่อยู่อาศัยยังมีอัตราการเติบโตดี ทั้งระบบน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 10% โดยมีปัจจัยบวกคือความชัดเจนทางการเมือง ทำให้เกิดความมั่นใจส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น และผู้บริโภคเริ่มจับจ่ายใช้สอย ในปีหน้าธนาคารตั้งเป้าขยายสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นสุทธิ 20% หรือ 20,000 ล้านบาท โดยปีนี้ยอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นสุทธิ 12-13% ส่วนอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2551 จะทรงตัว และจะปรับตัวขึ้นช่วงกลางปี เนื่องจากสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ปรับลดลง

นายธีรินทร์ เต่าทอง ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ว่าสินเชื่อที่อาศัยในปีหน้าชะลอตัว แต่ธนาคารยังมุ่งมั่นรุกสินเชื่อที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง และเชื่อว่าในปีหน้าธนาคารพาณิชย์จะมีการแข่งขันจริงจัง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า ทั้งนี้ ถ้าเศรษฐกิจอำนวยตามแผน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2551-2555 ธนาคารตั้งเป้าขยายสินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก 100,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 300,000 ล้านบาท โดยในปี 2550 คาดว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นสุทธิ 18% จากยอดสินเชื่อ 113,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 133,000 ล้านบาท และปีหน้าตั้งเป้ายอดสินเชื่อเพิ่มขึ้นสุทธิ 16% หรือประมาณ 20,000 ล้านบาท

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ในปี 2551 ตั้งเป้าขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้นสุทธิ 30,000 ล้านบาท หรือ 15% สูงกว่าตลาดรวมที่คาดว่ามีอัตราเติบโต 12% ดังนั้นเมื่อมีธนาคารพาณิชย์มีสัดส่วนสินเชื่อเติบโตสูงกว่าระบบก็จะมีธนาคารบางแห่งมียอดสินเชื่อคงค้างปรับตัวลดลง

ด้านนางสาวอัญชลี เบสุวรรณ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส ธนาคารนครหลวงไทย กล่าวว่า ปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในปีหน้าซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 4% นั้นจะส่งผลต่อค่าครองชีพให้สูงขึ้นในขณะที่รายได้เท่าเดิม ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ทำให้อาจจะต้องลดงบประมาณในการซื้อบ้านดายเลือกซื้อบ้านในราคาที่ถูกลง หรือชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย รวมถึงการออกพันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทยและกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ( FIDF) จะดูดซับสภาพคล่องบางส่วนออกจากระบบ ดังนั้นคาดว่าอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเคหะจะไม่ปรับตัวลดลงไปมากกว่านี้ โดยหากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สินเชื่อเคหะเพิ่มขึ้น 1% จะส่งผลให้ภาระการผ่อนชำระค่าบ้านของผู้กู้เพิ่มขึ้น 6%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us