|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ททท. ลุยจับตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ "พรศิริ" ไฟเขียว อัดฉีดงบออกงานเทรดโชว์ โรดโชว์ เพิ่มอีก 20% เดินสายออกบูธ 25 งานในปีหน้า เน้นงานระดับบนแบบนีชมาร์เก็ต ประกาศยืดไฮซีซั่นเป็น 8 เดือนสำหรับตลาดยุโรป ตั้งแต่ ส.ค.-เม.ย.เพิ่มวันพักและการจับจ่าย คุยไฮซีซั่นปีนี้ ชาร์เตอร์จากยุโรปทะลักเข้าไทยกว่า 691 เที่ยว โกยเงินกว่า 2.8 แสนล้านบาท มั่นใจ สิ้นปีรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นไปตามเป้าหมาย สั่งการ สำนักงานททท.ต่างประเทศเร่งหาพันธมิตรจัดชาร์เตอร์ไฟล์ท แก้ปัญหาเที่ยวบินขาดแคลน
นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2551 แผนตลาดต่างประเทศของ ททท.จะมุ่งเน้นใน 2 ประเด็นหลัก คือ 1. การขยายตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มไฮเอนด์ หรือ อัพมาร์เก็ต ให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น และ 2. การโปรโมทให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี หรือ ออล เยียร์ราว เดสติเนชั่น โดยไม่มีโลว์ซีซั่น ซึ่งการมุ่งเป้าหมายตลาดระดับบน เพื่อสนองตอบนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวที่ต้องการเน้นนักท่องเที่ยวคุณภาพ โดยไม่เน้นปริมาณ ขณะเดียวกันมองว่า ศักยภาพของประเทศไทยที่จะโปรโมทให้เป็นเดสติเนชั้นสำหรับนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนดื มีความเป็นไปได้สูง เห็นได้จากการเปิดตัวของโรงแรมระดับ 5-6 ดาว มีเพิ่มขึ้นกว่า 40% โดยโรงแรมกลุ่มนี้มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 70% แผนงานของ ททท.ก็จะมาช่วยธุรกิจเอกชนในตลาดกลุ่มนี้ได้
อัดงบออกงานเทรดโชวืเพิ่มอีก20%
สำหรับในปี 2551 จะเพิ่มจำนวนการเดินทางไปร่วมงานเทรดโชว์และโรดโชว์ในต่างประเทศอีกราว 20% หรือไม่น้อยกว่า 25 งาน จากปีนี้ที่เดินทางไปร่วมงานประมาณ 18 งาน ซึ่งปี 2551ได้จัดสรรงบประมาณสำหรับไปร่วมงานเทรดโชว์และโรดโชว์เพิ่มอีก 20% จากปีนี้ ซึ่งแบ่งออกมาจากงบการจัดอีเวนต์ โดยงานใหม่ๆที่ ททท.จะเข้าไปร่วม จะเป็นงานเทรดโชว์ที่เป็นตลาดเฉพาะ เช่น งาน มิลเลียนแนร์ แฟร์ ที่ มอสโค ประเทศรัสเซีย ,งานเบส สปา งาน เฮลล์ทัวริสซึม ที่ประเทศ บาเรน และ งานโบ๊ทโชว์ ที่ประเทศเยอรมัน เป็นต้น ซึ่งแต่ละงาน จะมีเน้นลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ในปีหน้า จะมุ่งส่งเสริมตลาดอินบาวนต์ให้มากๆ เพราะช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศ ซึ่งงานหลักๆ อย่าง อารเบียน ทราเวลมาร์(ATM) หรือ งาน ไอทีบี ททท.ก็จะเพิ่มพื้นที่บูธด้วย เพราะปัจจุบันภาคเอกชนสนใจเดินทางไปออกบูธร่วมกับ ททท.จำนวนมาก พื้นที่จึงไม่เพียงพอ ซึ่ง เราต้องการเปิดตลาดใหม่ๆให้เอกชน และ ช่วยภาคธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ไม่สามารถเดินทางไปเองได้ ส่วนตลาดในประเทศ มองว่าจากภาวะเศรษฐกิจ ทำให้คนไทยเที่ยวในระยะใกล้ขึ้น แต่บ่อยขึ้น ก็จะใช้กลยุทธ์โปรโมทอีกรูปแบบหนึ่ง เช่น เที่ยวทั่วไทยไปได้ทุกเดือน หรือแคมเปญอื่นๆ ที่เหมาะสม
"ในอดีต เฉพาะโรดโชว์ ททท.จะไปร่วมงานปีละ 3 ครั้ง ไม่นับรวมงานเทรดโชว์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล แต่ปีนี้ เราเริ่มขยายออกงานโรดโชว์มากขึ้น โดยเพิ่มเป็น 15 งาน และ ปีหน้าก็จะเพิ่มอีก เน้นที่เป็นอินเตอร์เนชั่นแนล ลักซ์ชูรี เพื่อจะได้ตลาดนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ ส่วนงานที่ไปเป็นประจำ ก็จะเพิ่มพื้นที่ อย่างงาน ATM ปีหน้า เราเพิ่มพื้นที่อีกเท่าตัว เพราะตลาดตะวันออกกลางมีศักยภาพ และ เติบโตเร็ว การขยายพื้นที่บูธ ถือเป็นกลยุทธ์เพื่อชิงความเป็นผู้นำอรกรูปแบบหนึ่งด้วย "
นางพรศิริ กล่าว อีกว่า ในตลาดยุโรป และอเมริกา ททท.จะขยายช่วงฤดูไฮซีซั่น เพื่อเพิ่มระยะเวลาท่องเที่ยวให้นานขึ้น สำหรับนักท่องเที่ยวตลาดนี้ โดยจะโปรโมทให้เป็นไฮซีซั่นตั้งแต่เดือน สิงหาคม - เมษายน จากเดิมไฮซีซั่นของตลาดนี้จะเริ่มประมาณ ตุลาคม-มีนาคม โดยกลยุทธ์จะนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวให้หลากหลาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีวันพักนานขึ้นจากเฉลี่ยที่ 2 สัปดาห์ ให้เพิ่มเป็น 3 สัปดาห์ ต่อคนต่อทริป ซึ่งกิจกรรมที่จะเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยว เช่น สปา กอล์ฟ หรือบริการท่องเที่ยวอื่นๆ ที่นักท่องเที่ยวจะสามารถใช้จ่ายเงินมากขึ้น นอกจากนั้นยังโปรโมตเดสติเนชั่นใหม่ๆ เป็นทางเลือก เช่น ภาคอีสาน นำเสนอ ประเพณี และ วัฒนธรรมพื้นบ้าน ล่าสุด ได้จัดแฟมทริป พาสื่อจากประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มาชมแหล่งท่องเที่ยวภาคอีสาน ซึ่งผลตอบรับดีมาก คาดว่า ปีหน้า จะมีนักท่องเที่ยวจาก 2 ประเทศดังกล่าวเข้ามาเที่ยวอีสานมากขึ้น
ไฮซีซั่นคึกชาร์เตอร์ไฟล์ทชักแถวเข้าภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม สำหรับไฮซีซั่นปีนี้ จะมีเที่ยวบินเช่าเหมาลำ หรือ ชาร์เตอร์ไฟล์ท จากกลุ่มประเทศยุโรป เช่น เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ สวิสเซอร์แลนด์ สแกนดิเนเวีย รวมประมาณ 691 เที่ยวบิน เริ่มบินเข้ามาตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน ปีนี้ ถึง เมษายนปีหน้า คาดว่าจะนำนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยได้กว่า 7 แสนคน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 2.8 แสนล้านบาท ทั้งนี้จำนวนชาร์เตอร์ไฟล์ทดังกล่าว มากกว่า ปีก่อนแน่นอน โดยปี 2549 ตลอดทั้งปี มีชาร์เตอร์ไฟล์ททั้งหมดที่เข้ามาประเทศไทยประมาณ 1,105 ไฟล์ท เท่านั้น ดังนั้นมั่นใจว่าสิ้นปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จะได้ตามเป้าหมายคือ 14.8 ล้านคน มีรายได้เข้าประเทศ 5.47 แสนล้านบาท
"เราได้สั่งการให้ทุกสำนักงาน ททท.ในต่างประเทศเร่งหาพันธมิตร ทั้งที่เป็นบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ และ สายการบินของประเทศนั้นๆ จัดเป็นชาร์เตอร์ไฟล์ท เข้ามาประเทศไทย โดยสามารถนำนักท่องเที่ยวไปยังเดสติเนชั่นท่องเที่ยวที่มีสนามบินนานาชาติได้ทันที เช่น เชียงใหม่ และภูเก็ต ตรงนี้ถือเป็นการแก้ไขปัญหาเที่ยวบินไม่เพียงพอได้เช่นกัน "
ล่าสุดมีรายงานว่า ปี 2551 สายการบิน Belair จากสวิสเซอร์แลนด์ จะบินชาร์เตอร์ไฟล์ทจาก Zurich-Phuket-Zurich สัปดหาละ 1 เที่ยวบินระหว่างเดือน กรกฎาคม-ตุลาคม 2551 คาดว่าจะนำนักท่องเที่ยวเข้าภูเก็ตได้กว่า 4,000 คน ขณะที่สแกนดิเนเวีย โดยบริษัท มาย ทราเวล ได้วางแผนจัดชาร์เตอร์ไฟล์ท ช่วงฤดูร้อนปีหน้า คาดว่าจะนำนักท่องเที่ยวเข้าภูเก็ตได้อีกกว่า 30,000 คน ทางด้านบริษัท TUI Nordic ก็เตรียมแผนจัดชาร์เตอร์ไฟล์ทมาไทยเช่นกัน
|
|
|
|
|