Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2543








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2543
Pizza War             
 

   
related stories

บิล เฮนเนกี้ The Enterpreneur
Tricon Global Restaurant

   
search resources

Tricon Global Restaurant
ไมเนอร์ โฮลดิ้ง
วิลเลียม อี.ไฮเน็คกี้
Food and Beverage
Franchises




มวยถูกคู่ระหว่างบริษัทไทรคอน โคลบอล เรสตัวรองท์ส เจ้าของลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ "พิซซ่า ฮัท" กับบริษัท เดอะ พิซซ่า จำกัด คู่สัญญาลิขสิทธิ์ฟาสต์ฟูดชื่อดังเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2542 เมื่อไทรคอนฯ ประกาศแผนการทำตลาดในประเทศไทยด้วยตนเอง เป็นการทวงสัญญาลิขสิทธิ์พิซซ่า ฮัท คืนจากเดอะ พิซซ่า ของบิล เฮนเนกี้หลังจากหมดสัญญาในวันที่ 18 มกราคม 2543

เป็นการประกาศยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างทั้งสองฝ่าย แม้ว่าจะพยายามใช้เวลาประมาณ 1 ปีในการเจรจากัน แต่ก็ไม่สามารถตกลงกันได้ ทั้งๆ ที่เกือบตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ร่วมทำธุรกิจด้วยกันไม่เคยบาดหมางใจกันเลย

18 พฤศจิกายน 2542 บิลออกมาแถลงข่าวว่าขณะนี้การเจรจากับไทรคอนฯ มีความคืบหน้าไปได้ระดับหนึ่ง แต่ยังเป็นความลับจนกว่าการเจรจาสิ้นสุด ทำให้ในช่วงนั้น ยังไม่มีคำตอบ ที่ชัดเจน

24 พฤศจิกายน 2542 การสาดโคลนใส่กันจึงเริ่มต้นขึ้นเมื่อไทรคอนฯ กล่าวหาว่าเดอะ พิซซ่า ไปตั้งบริษัทใหม่ คือ บริษัท ชิคเก็น ทรีท (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อดำเนินกิจการอาหารฟาสต์ฟูดภายใต้เครื่องหมายการค้า "ชิคเก็น ทรีท" โดยได้รับลิขสิทธิ์จากบริษัท ออสเตรเลีย ฟาสต์ฟูด จากออสเตรเลียเป็นเวลา 25 ปี จึงเป็นการผิดสัญญาในเงื่อนไขห้ามขายสินค้าชนิดเดียวกันมาแข่งขัน เพราะไทรคอนฯ ให้แฟรนไชส์ "เคเอฟซี" แก่กลุ่มเซ็นทรัล หากชิคเก็น ทรีท เปิดดำเนินการย่อมเป็นคู่แข่งเคเอฟซีโดยตรง

ขณะที่เดอะ พิซซ่า ตอบโต้กลับไปว่าไทรคอนฯ พยายามกดดันบริษัท เพราะไม่อยากต่อสัญญาฉบับใหม่ให้เนื่องจากมองเห็นแนวโน้มตลาดพิซซ่าในประเทศไทย ที่กำลังสดใส

21 ธันวาคม 2542 เดอะ พิซซ่า ยื่นฟ้องไทรคอนฯ ณ ศาลแขวงใต้ กรุงนิวยอร์ก เพื่อปกป้องรักษาสิทธิผลประโยชน์ของบริษัท และขอต่อสัญญาออกไปอีก 10 ปี แต่ไทรคอนฯ เพิ่มเงื่อนไขเกี่ยวกับข้อห้ามการแข่งขันทางธุรกิจทั้งในไทย และทั่วโลก

14 มกราคม 2543 เดอะ พิซซ่าจับมือกับเบอร์เกอร์คิง คอร์ปอเรชั่น เจ้าของแฟรนไชส์ "เบอร์เกอร์คิง" โดยขอลิขสิทธิ์ในการเปิดให้บริการรายที่สองต่อจากกลุ่มเซ็นทรัล

21 มกราคม 2543 ศาลแขวงใต้ กรุงนิวยอร์กนัดไต่สวนครั้งแรก แต่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้

11 กุมภาพันธ์ 2543 เดอะ พิซซ่า ประกาศยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับไทรคอนฯ ด้วยการเปิดชื่อใหม่ของร้านพิซซ่า "พิซซ่า คัมปานี" ภายใต้สโลแกน "ทางเลือกเดียวของพิซซ่า"

15 กุมภาพันธ์ 2543 ไทรคอนฯ ทุ่ม 500 ล้านบาท เพื่อดำเนินกิจการ "พิซซ่า ฮัท" ด้วยตนเอง และเปิดร้านพิซซ่า ฮัท แห่งแรกในประเทศไทยภายใต้สโลแกน "ใต้หลังคาเดียว" ชนกับเดอะ พิซซ่า

23 กุมภาพันธ์ 2543 ศาลแขวงใต้ กรุงนิวยอร์ก ระงับศึกชั่วคราวโดยให้ทั้งสองฝ่ายหยุดความเคลื่อนไหวต่างๆ ทั้งหมดจนกว่าคำตัดสินจะถึงที่สุด แต่ให้เดอะ พิซซ่า สามารถบริหารงานภายใต้เครื่องหมาย "พิซซ่า ฮัท" ต่อไปได้

นี่คือ การต่อสู้ของไทรคอนฯ และเดอะ พิซซ่า ในระดับเริ่มต้น และจะมีอีกต่อไปเรื่อยๆ ไม่มี ที่สิ้นสุด เพราะเป็นการต่อสู้ในโลกธุรกิจ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us