ผู้ประกอบการค้าปลีก ชี้กฎ หมายผังเมืองยังบกพร่อง ส่งผลผู้ประกอบการค้าปลีกไม่แจ้งเกิด
"เซ็นทรัล" เผยแค่นิยามยังไม่ชัดเจน แนะแยกกำหนดขนาดพื้นที่ใหม่ "คาร์ฟูร์" จวกแนวทางปฏิบัติทำไม่ได้จริง
วอน ให้ความเป็นธรรมค้าปลีกข้ามชาติ ส่วนด้านซัปพลายเออร์ หวั่นได้รับผลกระทบ หากค้าปลีกไม่
ขยายตัว ขยาดกลับไปทำการตลาดแบบเดิม
ดร.ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เซ็นทรัล
รีเทล คอร์เปอเรชั่น กล่าวแสดงความคิดเห็นในงาน "สัมมนาผังเมืองร่วมพลิกโฉมค้าปลีกไทย"ว่า
มาตรการและหลักเกณฑ์ด้านผังเมืองในเรื่องการการค้าปลีกค้าส่ง ในทางปฏิบัติทำได้ยาก
แค่ คำนิยามก็มีไม่ชัดเจน ทำให้สับสนว่าจะครอบ คลุมถึงห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า
ตลาดสด ด้วยหรือเปล่า
นอกจากนี้ยังไม่เห็นด้วยในส่วนที่กรมโยธาธิการและผังเมืองได้กำหนดอาคารพาณิชย
กรรมค้าปลีกค้าส่ง ซึ่งแบ่งขนาดพื้นที่เป็น 2 ประเภท คือ ขนาดตั้งแต่ 300-1,000
ตร.ม. สามารถตั้งอยู่ในเขตเมืองได้ ในขณะที่ มีพื้นที่ค้าปลีกตั้งแต่ 1,000 ตร.ม.จะต้องตั้งอยู่นอกเมือง
และอยู่นอกเขตผังเมืองรวม โดยมีระยะห่างจาก เขตเทศบาลที่อยู่ในเขตผังเมืองรวมไปตามแนวถนนสายหลักไม่น้อยกว่า
15 กม. ซึ่งการใช้มาตร การดังกล่าวนี้ จะทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถ เปิดดำเนินธุรกิจได้
เนื่องจากทำให้การดำเนินธุรกิจจะต้องไปตั้งในเขตนอกชานเมืองหรือนอก จังหวัด ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่เอื้ออำนวยในการดำเนินธุรกิจค้าปลีก
ทั้งนี้ เห็นว่าการใช้มาตรการและหลักเกณฑ์ ผังเมืองค้าปลีกค้าส่ง จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเป็นจริงในปัจจุบัน
และสามารถทำให้ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสามารถดำเนินธุรกิจได้ โดยเสนอว่าการแบ่งขนาดพื้นที่เป็น
2 ประเภท ควรมีการแก้ไข โดยแบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ อาคารพาณิชย กรรมขนาดตั้งแต่
300-1,000 ตร.ม.ควรตั้งอยู่ในเมือง และตั้งแต่ 1,000-6,000 ตร.ม.ตั้งอยู่นอก เมืองโดยมีระยะห่างจากเขตเทศบาล
1-3 กม. ตั้งแต่ 3,000-6,000 ตั้งอยู่นอกเมืองโดยมีระยะห่างจากเขตเทศบาล 3-5 กม.
และ 6,000 ขึ้นไป ตั้งอยู่นอกเมืองโดยมีระยะห่างจากเขตเทศบาล 10 กม. ขึ้นไป
คาร์ฟูร์ชี้แนวทางปฏิบัติทำได้ยาก
นายธนภณ ตั้งคณานันท์ ผู้อำนวยการฝ่าย พัฒนา บริษัท เซ็นคาร์ จำกัด เปิดเผยว่า
มาตร การและหลักเกณฑ์ผังเมืองค้าปลีกค้าส่งมีข้อบกพร่องหลายจุด ยกตัวอย่างเช่น
เกณฑ์การควบ คุมให้พื้นที่ตั้งอาคารพาณิชยกรรมควรมีพื้นที่ห่างจากบริเวณด้านหน้า75
เมตร และระบุห้ามใช้เป็นลานจอดรถซึ่งทางปฏิบัติไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นพื้นที่ที่เว้นว่างมากเกินไป
โดยเชื่อว่าเหตุผลที่ทำให้ข้อกำหนดเป็นเช่นนี้ เนื่องจากการใช้ข้อมูลประกอบในการพิจารณาไม่ได้เป็นข้อมูลใหม่
และเพื่อให้ความเป็นธรรมกับค้าปลีก ดังนั้นการออกมาตรการจะต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน
คือ ส่วนแรกการให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ดำเนินธุรกิจ โดยการใช้กฎหมายดังกล่าวหากในพื้นที่ที่มีการเปิดดำเนินธุรกิจอยู่แล้วจะต้องใช้กฎหมายเดียว
กันไม่ว่าจะเป็นรายใหม่หรือรายเก่า แต่หากพื้นที่นั้นๆ ยังไม่มีการเปิดดำเนินธุรกิจก็สามารถใช้กฎหมายใหม่ได้
ผู้ผลิตรับกระทบหากค้าปลีกเจอทางตัน
ทางด้านนายมนัส กนกภัยพิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท ฟูจิ โฟโต้ฟิล์ม
(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยในฐานะมุมมองของซัปพลายเออร์ว่ามาตรการ และหลักเกณฑ์ผังเมืองค้าปลีกค้าส่ง
ฉบับปรับปรุงนี้ เป็นมาตรที่เข้มงวดเกินไปอาจทำ ให้อนาคตค้าปลีกขยายสาขาได้ยากมากขึ้น
และยังส่งผลให้ซัปพลายเออร์ได้รับกระทบไปด้วย เพราะปัจจุบันค้าปลีกถือเป็นลูกค้ารายใหญ่
ของซัปพลายเออร์
ทั้งนี้ หากการเปิดขยายสาขาค้าปลีกเป็นไปได้ยากมากขึ้น หรือแทบไม่มีเลยซัปพลายเออร์จะต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ในการตลาดโดย
หันมามุ่งเน้นกับกลุ่มร้านค้าปลีกรายย่อยหรือโชว์ห่วยเหมือนกับการทำการตลาดในอดีต
รวมทั้งทำให้ต้นทุนของซัปพลายเออร์เพิ่มขึ้น และในระยะยาวผู้บริโภคอาจบริโภคสินค้าในราคาที่แพงขึ้น
ตลอดจนเป็นการปิดโอกาส การดำเนินธุรกิจของเอสเอ็มอี ซึ่งปัจจุบันใช้ช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านค้าปลีกเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม เห็นว่าการที่รัฐบาลจะ ช่วยโชวห่วยให้สามารถแข่งขันกับค้าปลีกข้ามชาติเป็นเรื่องดี
แต่เงื่อนไขหลายอย่างควร ลดลง เพื่อให้ค้าปลีกสามารถดำเนินธุรกิจอยู่ได้
หวั่นซาร์สกระทบค้าปลีกไตรมาส 2
นายพิศิษฐ เจียรวิศิษฐ์กุล ประธานสมาคมค้าปลีกไทย เปิดเผยว่ากฎหมายแผน ผังเมืองในขณะนี้ยังไม่สมบูรณ์มากนัก
และจำเป็นจะต้องปรับปรุง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงและจะต้องให้ความ
เป็นธรรมกับผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีก โดยหากไม่มีการแก้ไขในระยะยาวผู้ดำเนินค้าปลีก
รายใหม่ไม่เกิด และอาจส่งผลธุรกิจค้าปลีกไม่มีการแข่งขันเกิดขึ้น
ส่วนภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ไม่ได้รับกระทบจากโรคซาร์สทำให้มีอัตราเติบโต
7-8% ในขณะที่ไตรมาส 2 นี้ เชื่อว่าโรคซาร์สจะส่งผลกระทบและทำให้อัตรา การเติบโตหดตัวลงโดยโตแค่ประมาณ
6% เนื่องจากนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวในไทยน้อยลง
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลสามารถสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการแพร่ระบาดโรคซาร์ส ได้
คาดว่าภาพรวมค้าปลีกจะถูกกระทบเพียง แค่ 0.5% แต่หากถูกกระทบในระยะยาวค้าปลีกจะได้รับผลกระทบ
1% โดยคาดว่าสิ้นปีนี้ค้าปลีก โดยรวมจะเติบโตขึ้น 8% จากมูลค่ารวมของธุรกิจ ค้าปลีก
1.35 ล้านล้านบาท