ชำแหละผลงาน 'สิทธิชัย ส่งพิริยะกิจ' บนเก้าอี้กรรมการผู้จัดการใหญ่ทศท.ผ่านไป
7 เดือนผลงานไม่เข้าตา ไม่กล้าตัดสินใจ ลู่ตามลูกน้อง โดยเฉพาะโครงการโทรศัพท์
5 แสนเลขหมาย ผ่านบอร์ดแล้วแต่ไม่ยอมขายซองประกวดราคา เปิดช่องลูกน้องรวมหัวพ่อค้าซ่องสุมบิดเบือนเจตนารมณ์บอร์ด
หวังเปลี่ยนวิธีประมูล หาโอกาสรวยรายวัน
นายสิทธิชัย ส่งพิริยะกิจ ผ่านกระบวนการสรรหา ขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท
ทศท คอร์ปอเรชั่น ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2545 โดยที่มีเวลาทำงานถึงเดือนพ.ย.2546
ซึ่งครบอายุ 60 ปีบริบูรณ์ตามสัญญาจ้าง
แต่ปรากฏว่าผ่านไป 7 เดือนกับความว่างเปล่า ผลงานเป็นรูปธรรมชัดเจนยังไม่เห็นโดยเฉพาะธุรกิจหลักของทศท.
ทศท.มีรายได้หลักมาจากธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐาน ในช่วงที่ยังไม่มีคณะกรรมการโทรคมนาคมแห่งชาติ
(กทช.) ทศท.มีสิทธิที่จะขยายเลขหมายโทรศัพท์ได้ตามความต้องการ ซึ่งปัจจัยบวกสำหรับทศท.คือการสร้างส่วนแบ่งตลาดให้มากขึ้นในระยะยาว
และเพื่อสนองตอบความต้องการของตลาดในระยะสั้น
รวมทั้งยังใช้เป็นเครือข่ายยุทธศาสตร์หลักในการให้บริการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง
ที่เป็นอนาคตของธุรกิจโทรคมนาคมในยุคหน้า
โครงการ 5 แสนเลขหมาย ถือเป็นโครงการยุทธศาสตร์ ในการทำธุรกิจของทศท. เพราะงบประมาณในปี
2547 ของทศท.ประมาณการว่าจะมีรายได้จากการดำเนินการของกลุ่มธุรกิจต่างๆ รวม 39,315
ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากโทรศัพท์พื้นฐาน 25,891 ล้านบาท มากเป็นอันดับหนึ่ง
รองลงมาเป็นรายได้จากโทรศัพท์สาธารณะ 6,796 ล้านบาท บริการสื่อสารข้อมูล 3,795
ล้านบาท โครงข่ายโทรคมนาคม 1,437 ล้านบาท โทรคมนาคมระหว่างประเทศ 1,319 ล้านบาท
และโทรศัพท์ไร้สาย 77 ล้านบาท
ข้อมูลของทศท.สิ้นสุด ณ เดือนก.ย.2545 มีจำนวนลูกค้ารอบริการ (Waiting List)
อยู่ถึง 710,220 ราย
แต่ในขณะเดียวกับที่มีความต้องการจำนวนมาก ทศท.กลับดำเนินโครงการขยายโทรศัพท์
5 แสนเลขหมาย ด้วยความอืดอาดยืดยาด ทั้งๆที่บอร์ดศุภชัย พิศิษฐวานิช อนุมัติหลักการตั้งแต่วันที่
27 มิ.ย. 2545 และทำประชาพิจารณ์ข้อกำหนดหรือทีโออาร์เสร็จตั้งแต่เดือน ส.ค.2545
แต่โครงการ 5 แสนเลขหมายมาถูกขัดจังหวะเมื่อเปลี่ยนบอร์ดใหม่ มีคุณหญิงทิพาวดี
เมฆสวรรค์ ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) มาเป็นประธานบอร์ด
ในการประชุมบอร์ดนัดพิเศษเมื่อวันที่ 30 ม.ค.2546 ได้มีมติให้ความเห็นชอบหลักการนี้แล้ว
เพียงแต่ให้หารือกับนายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม (ที่ปรึกษาประธานบอร์ด) ในรายละเอียดอีกครั้งก่อนนำเสนอในรูปโครงการกับคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.)
เพียงแค่คำที่เขียนว่าให้หารือรายละเอียด ก็เป็นการเปิดช่องให้ทศท.ยำโครงการ
5 แสนเลขหมายใหม่ โดยที่นายสิทธิชัยสั่งการให้นายปรีชา รักษาชาติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ทศท.ทำรายละเอียดแนวทางต่างๆกลับมาเสนอบอร์ดใหม่
"บอร์ดคุณหญิงทิพาวดี อนุมัติตามหลักการเดิม เพียงแต่ให้นายสรรเสริญดูรายละเอียดในรูปแบบโครงการก่อนนำเสนอสศช.
โดยไม่ได้สั่งให้แตะต้องวิธีการประมูลเลย แต่ช่องเพียงน้อยนิด ก็กลายเป็นโอกาสที่เปิดกว้างให้กลุ่มเสือหิวทันที"
เกรงใจลูกน้องทำงานใหญ่เสีย
สไตล์การทำงานของสิทธิชัย ออกมาในรูปประณีประนอม ไปทางดื้อ เชื่อมั่นตัวเองสูง
และมั่นใจในความโปร่งใส ไม่ทำร้ายองค์กร และมองประโยชน์ทศท.สูงสุด แต่การที่ไม่มีสีชมพูในสายเลือด
ไม่ได้จบวิศวกรรมศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำให้กลายเป็นไม่สามารถเทียบรุ่นพี่น้องในทศท.ได้
และทำให้กลายมาเป็นจุดอ่อนในการบริหารงานองค์กรที่มีพนักงานกว่า 2 หมื่นคน
"จุดอ่อนดังกล่าว ทำให้ผู้บริหารระดับรองใช้ความมีสีของตัวเอง รวมกลุ่มทำงานหลายๆโครงการ
มีทั้งที่กำลังหักมติบอร์ดเดิม อย่างวิธีการประมูลโครงการ 5 แสนเลขหมาย มีทั้งกำลังจ่อคิวอย่างโครงการบิลลิ่ง
และมีทั้งที่ถูกบอร์ดทศท.รู้ทันสั่งเบรก อย่างการล็อกสเปกให้ซิสโก้ในงานของกรมการปกครอง
ทุกโครงการแสดงให้เห็นถึงความไม่เด็ดขาด และไม่กล้าตัดสินใจของนายสิทธิชัยทั้งสิ้น"
นายสิทธิชัยเคยบ่นกับคนใกล้ชิดว่า งานที่ทำทุกวันนี้ คือการตามล้างตามเช็ดงานที่อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่คนเก่า
นายสุธรรม มลิลา ทำไว้ทั้งสิ้น แต่เขาอาจลืมไปว่าหากกล้าตัดสินใจในเรื่องที่ถูกต้อง
อาจมีผลงานให้เห็นบ้าง
โครงการ 5 แสนเลขหมาย กว่าที่บอร์ดศุภชัยจะอนุมัติหลักการวิธีการประมูล ต้องขับเคี่ยวกับนายสุธรรมที่ยืมมือลูกน้องแก้ไขสเปก
ชนิดตามล้างตามเช็ด ผ่านการกลั่นกรองอย่างดีจนได้รายละเอียด กล่าวคือจะแบ่งเนื้องานในการจัดหาออกเป็น
3 พื้นที่ และให้ผู้เข้าประกวดราคาในแต่ละพื้นที่จะต้องรับผิดชอบงานทุกงานในแต่ละโซนแบบเบ็ดเสร็จ
ได้แก่งานอุปกรณ์ชุมสาย งานอุปกรณ์สื่อสัญญาณ และงานระบบข่ายสาย
รวมทั้งกำหนดคุณสมบัติผู้เข้าประกวดราคาประการสำคัญว่า ผู้เข้าประกวดราคาจะต้องมีผลงานด้านการก่อสร้างท่อร้อยสาย
และข่ายสายโทรศัพท์ท้องถิ่นของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ในวงเงินไม่น้อยกว่า 300
ล้านบาทต่อ 1 สัญญา ภายในเวลา 5 ปี และจะต้องเป็นผู้ผลิต/ผู้แทนจำหน่ายอุปกรณ์ชุมสายและอุปกรณ์สื่อสัญญาณ
โดยงบประมาณในการจัดหาแบ่งเป็นงานก่อสร้าง/ปรับปรุงระบบข่ายสายท้องถิ่น 1,900
ล้านบาท อุปกรณ์ระบบชุมสาย 2,800 ล้านบาทและอุปกรณ์ระบบสื่อสัญญาณ 2,500 ล้านบาท
หากนายสิทธิชัย เป็นคนกล้าตัดสินใจไม่เห็นกับพวกพ้องผู้บริหารระดับรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ทั้งหลาย
ก็สามารถเดินหน้าโครงการ ด้วยการขายซองประกวดราคา ตามสเปกเดิมที่บอร์ดอนุมัติไว้แล้วได้ทันที
แต่เขากลับเลือกที่จะเอาใจน้องๆ ด้วยการเปิดช่องให้โอกาสทำมาหากิน เพราะแม้แต่เขาเองก็ยังมีแนวคิดที่แยกการประมูลอุปกรณ์ชุมสายกับอุปกรณ์สื่อสัญญาณ
มาประมูลรวมที่ส่วนกลาง ส่วนงานข่ายสายแยกเป็น 3 โซนแต่ให้มาประมูลที่ส่วนกลางเช่นกัน
เมื่อถูกถามถึงเหตุผลว่าทำไม ไม่เลือกแบบเดิมที่มีเจ้าภาพในแต่ละโซนสามารถไล่เบี้ยได้หากงานล่าช้าและทำให้ได้บริษัทขนาดใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือ
เขากลับตอบเลี่ยงว่าไม่มีประวัติศาสตร์ทศท.ที่เคยประมูลงานแบบเบ็ดเสร็จทั้งชุมสาย
ระบบสื่อสัญญาณและงานวางข่ายสาย
แต่เขาอาจลืมไปว่า ตามแผนฯ 6 ของทศท.ซีเมนส์ ,เอ็นอีซี และมัตซุย เคยชนะประมูลงานแบบเบ็ดเสร็จทั้งชุมสาย
สื่อสัญญาณและข่ายสาย จำนวน 1 แสนเลขหมาย
นายสิทธิชัยอ้างว่า การที่ต้องทำหลายแนวทางให้พิจารณา ถือเป็นเรื่องธรรมดาของการเสนองานให้ผู้ใหญ่
ซึ่งขึ้นอยู่กับบอร์ดว่าจะตัดสินใจเลือกแนวทางไหน
ไม่เพียงโครงการ 5 แสนเลขหมายที่สิทธิชัยไม่กล้าตัดสินใจ ทำให้โครงการล่าช้า
เปิดช่องให้ผู้บริหารระดับรองฉวยโอกาสหาประโยชน์
โครงการระบบบิลลิ่ง เป็นอีกโครงการหนึ่งที่กำลังถูกถามหาความโปร่งใส เมื่อพิสูจน์และมีหลักฐานชัดเจนแล้วว่าบริษัทที่ชนะการประมูลอย่างเทเลเมติคส์
มีความสัมพันธ์ถือหุ้นโยงโยงกับบริษัท U.C.E.C.ที่เป็นที่ปรึกษาโครงการ ทั้งเอื้อประโยชน์กีดกันคู่แข่ง
เข้ากม.ฮั้วทุกประการ
แต่นายสิทธิชัยก็ยังไม่ทำอะไรที่เด็ดขาดให้เห็นผลชัดเจน เพียงเพราะเชื่อใจนายชัยเชวง
กฤตยาคม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ที่รับผิดชอบการประมูลโครงการนี้ ทำเอาเกิดเสียงลือในวงการว่าข้อมูลที่เปิดเผยต่างๆตามหน้าหนังสือพิมพ์
ที่พิสูจน์ให้เห็นถึงการถือหุ้นในลักษณะ Conflict of Interest เขาเห็นเป็นเรื่องโจ๊กน่าตลก
ไม่กลัวและพร้อมพรีเซ็นต์ช่วยบริษัทในบอร์ดทศท.
"โครงการนี้เขาเถียงข้างๆคูๆว่าไม่รู้ว่าถือหุ้นโยงใยกัน ซึ่งหากอยากตรวจสอบ
ลองไปสอบดูด้วยว่าผลงานเทเลเมติคส์ที่เอาผลงานของ ACCENTURE มาใช้ถูกต้องแค่ไหน
และบริษัทอเมริกันรายนี้ เขาอ่อนไหวมากในเรื่องความโปร่งใส หากรู้ว่าเทเลเมติคส์มีนอกมีในกันแล้ว
เรื่องนี้น่าสนุกแน่"
แหล่งข่าวย้ำว่าโครงการบิลลิ่งเป็นอีกโครงการหนึ่งที่ต้องล่าช้า เพราะขบวนการที่ไม่โปร่งใสทั้งๆที่ระบบบิลลิ่งเป็นหัวใจในการทำธุรกิจทั้งปวงของทศท.โดยเฉพาะการคิดเงินค่าใช้
การจัดแพกเกจโปรโมชันต่างๆ
รวมทั้งการที่ปล่อยให้เอไอทีดันซิสโก้ยึดครองทศท.ทำขนาดล็อกสเปกให้กรมการปกครอง
แล้วอ้างว่าเป็นความต้องการของกรมการปกครอง ถึงขนาดที่สิทธิชัยเกือบอนุมัติไปแล้ว
ทีดียังมีคนหวังดีช่วยส่งสัญญาณเตือนจึงรอดคุกพ้นข้อหาผิดกม.ฮั้วแบบหวุดหวิด
นายสิทธิชัย ยังถือว่าล้มเหลวในการบริหารงานในลักษณะซูเปอร์ทีม จากที่เคยแสดงวิสัยทัศน์ในตอนสรรหากรรมการผู้จัดการใหญ่
เพราะปรากฏว่ารองกรรมการผู้จัดการใหญ่ทั้ง 17 คนกำลังหลงเริงร่ากับการแต่งตั้ง
จนไม่ได้นึกถึงอนาคตองค์กร
ขาดความสามัคคีต่างคนต่างแสวงหาประโยชน์ ในโครงการที่มีส่วนร่วม
"การบริหารงานแบบประณีประนอมลู่ตามใจลูกน้อง ทำให้ตอนนี้ กระบวนการจัดการโครงการประสานประโยชน์ในทศท.เปลี่ยนไป
ไม่ต้องสนใจอำนาจการเมือง แต่พ่อค้าหันไปเอาใจระดับรองระดับผู้ช่วยให้ชงโครงการให้เรียบร้อยสำเร็จรูป
แล้วเสนอขึ้นไปตามขั้นตอน เมื่อถึงระดับบนก็สั่งการอนุมัติ โครงการ 5 แสนเลขหมายกำลังเข้าสู่วังวนนี้
ขึ้นอยู่กับสิทธิชัยว่าจะทำงานอย่างไร ให้ผ่านไปวันๆ รักษาสภาพ ความชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฏ
หรือจะใช้เป็นด่านทดสอบความโปร่งใส พิสูจน์ฝีมือและผลงานครั้งสำคัญ" แหล่งข่าว
กล่าว