Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน6 พฤษภาคม 2546
โทร 5 แสนทศท. ฉาวฉวยจังหวะเปลี่ยนบอร์ด             
 

   
related stories

ฉีกหน้ากาก 3 ก๊ก ไขกลโกงล็อกสเปกงานประมูล
เก้าอี้ซีอีโอทศท.ร้อนผลงานไม่คืบ

   
www resources

โฮมเพจ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย

   
search resources

ทศท คอร์ปอเรชั่น




เปิดปมฉาวโครงการโทรศัพท์ 5 แสนเลขหมาย เบื้องหลังปัญหาทุจริตคอรัปชัน โยงใย 3 ก๊กผลประโยชน์ จับมือร่วมกันระหว่างกรรมการบอร์ด,ผู้บริหารทศท.และกลุ่มพ่อค้าที่ชอบแอบอ้างทหารหากิน อาศัยจังหวะเปลี่ยนบอร์ด แก้ไขวิธีการประมูล ล้างมติบอร์ดเดิม ตบหน้าสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม,สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์,พล.ต.ท.บุญญฤทธิ์ รัตนะพร ที่ร่วมเป็นบอร์ดขณะนั้น งานนี้ผลประโยชน์มืดหลายร้อยล้านบาทป็นเดิมพัน

โครงการโทรศัพท์ 5 แสนเลขหมายมูลค่ากว่า 7 พันล้านบาทของบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น ส่งกลิ่นทุจริต ไม่โปร่งใสในขั้นตอนดำเนินการอีกแล้ว ภายหลังจากที่บอร์ดทศท.ชุดก่อนหน้านี้ที่มีนายศุภชัย พิศิษฐวานิช เป็นประธานบอร์ด ได้อนุมัติหลักการ วิธีการประมูล ทำจนถึงระดับเอาสเปกหรือทีโออาร์ที่เป็นเงื่อนไขในการประกวดราคาทำประชาพิจารณ์เรียบร้อยเหลือแค่ขายซองประกวดราคาแล้วก็ตาม

ต้นตอกลิ่นฉาว 5 แสนเลขหมาย

ต้นตอปัญหา เกิดจากการประสานความร่วมมือ 3 ก๊กระหว่าง 1.กรรมการ บางคนในบอร์ดทศท.ชุดใหม่ที่มีคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เป็นประธาน 2.ผู้บริหารระดับรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ 2-3 คนที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์พื้นฐานและเกี่ยวข้องกับการแก้ไขสเปกตั้งแต่บอร์ดชุดก่อนจนมาถึงบอร์ดชุดปัจจุบัน ก็ยังไม่ละความพยายาม และ3.กลุ่มพ่อค้าและซัปพลายเออร์บางราย ที่กำลังสร้างก๊วนรวมกลุ่ม กลายเป็นมาเฟียระดับใหญ่ ที่ตอนนี้กำลังอ้างถึงขนาดว่าทำงานให้ "พรรค" ซึ่งพ่อค้าที่เป็นแกนหลัก ถึงกับใช้โลโก้บริษัทคล้ายสัญญลักษณ์ทางทหาร เนื่องจากเพื่อให้ดูสมจริงกับการอ้างชื่อผู้ใหญ่ในวงการทหารในการทำมาหากิน

"ทั้ง 3 กลุ่มโยงใยกันเป็นขบวนการผลประโยชน์ขนาดใหญ่ ซึ่งภารกิจสำคัญตอนนี้คือการหักล้างมติบอร์ดเดิมที่เป็นความต้องการของทศท. แล้วเปลี่ยนวิธีการจัดซื้อใหม่ให้เป็นไปตามความต้องการของกลุ่มพวกพ้องตัวเอง งานนี้ผลประโยชน์ไม่หนี 3-400 ล้านบาท" แหล่งข่าวในทศท.กล่าว

ตามหลักการเดิมที่บอร์ดศุภชัยอนุมัติ ทำประชาพิจารณ์เรียบร้อยแล้ว จะแบ่งเนื้องานในการจัดหาออกเป็น 3 พื้นที่ และให้ผู้เข้าประกวดราคาในแต่ละพื้นที่จะต้องรับผิดชอบงานทุกงานในแต่ละโซนแบบเบ็ดเสร็จ ได้แก่งานอุปกรณ์ชุมสาย งานอุปกรณ์สื่อสัญญาณ และงานระบบข่ายสาย

รวมทั้งกำหนดคุณสมบัติผู้เข้าประกวดราคาประการสำคัญว่าผู้เข้าประกวดราคาจะต้องมีผลงานด้านการก่อสร้างท่อร้อยสาย และข่ายสายโทรศัพท์ท้องถิ่นของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ในวงเงินไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาทต่อ 1 สัญญาภายในเวลา 5 ปี และจะต้องเป็นผู้ผลิต/ผู้แทนจำหน่ายอุปกรณ์ชุมสายและอุปกรณ์สื่อสัญญาณ

โดยงบประมาณในการจัดหาแบ่งเป็นงานก่อสร้าง/ปรับปรุงระบบข่ายสายท้องถิ่น 1,900 ล้านบาท อุปกรณ์ระบบชุมสาย 2,800 ล้านบาทและอุปกรณ์ระบบสื่อสัญญาณ 2,500 ล้านบาท

บอร์ดศุภชัยอนุมัติในหลักการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.2545 ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่านายสุธรรม มลิลา ผู้อำนวยการทศท.ในขณะนั้น ใช้วิชามารขั้นสูงเพื่อหวังแก้ไขสเปกหรือทีโออาร์ ไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง เพื่อให้ผลประโยชน์ตกกับพวกพ้องตัวเอง เนื่องจากเงื่อนไขหลักการที่บอร์ดศุภชัยเห็นชอบอนุมัติ เป็นหลักการที่ต้องการ บริษัทขนาดใหญ่ มีผลงานเชื่อถือได้ ถึงขนาดนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ กรรมการบอร์ดทศท.พูดออกจากปากว่า "เราต้องการคอนโด ก็ต้องหาผู้รับเหมาที่สร้างคอนโด ไม่ใช่เอาผู้รับเหมาที่สร้างตึกแถวมาสร้างคอนโด"

ในตอนนั้นนายสุธรรม ยืมมือลูกน้องที่เป็นผู้อำนวยการกองพัสดุ จัดการแก้ไขสเปกในประเด็นเรื่องผลงานด้านข่ายสายจากเดิมที่ต้องมีผลงาน 300 ล้านบาทสัญญาเดียวภายใน 5 ปี เปลี่ยนเป็น เอาผลงานของกลุ่มคอนซอร์เตี้ยมที่ร่วมประมูลมารวมกันกี่สัญญาก็ได้ครบ 300 ล้านบาท เนื่องจากนายสุธรรมต้องการช่วยพรรคพวกที่ไม่มีผลงานหรือเป็นบริษัทขนาดเล็กขาดความน่าเชื่อถือ

ผลของการหักมติบอร์ดคือลูกน้องนายสุธรรมถูกสั่งย้าย แต่เขาก็ได้รับการปูนบำเหน็จด้วยการส่งไปเรียนวปรอ.

"มติบอร์ดศุภชัย เป็นการกลั่นกรองถึงความต้องการที่แท้จริงของทศท.และวิธีการประกวดราคาก็เป็นสิ่งที่บอร์ดให้ความเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในตอนนั้นนายสุธรรมเพียรพยายามเปลี่ยนสเปก ซึ่งบอร์ดก็รู้ทันและแก้ไขให้กลับมาถูกต้อง" แหล่งข่าวย้ำว่าเมื่อบอร์ดเห็นความพยายามนายสุธรรมในเรื่องแก้ไขสเปกขนาดสั่งย้ายลูกน้อง แต่นายสุธรรมก็ไม่ปกป้อง ก็เลยคิดว่ารอให้นายสุธรรมเกษียณในเดือนก.ย.ไปก่อน ซึ่งตอนนั้นเหลือเวลาเพียงแค่เดือนเดียว เพราะเกรงว่าจะต้องโยกย้ายลูกน้องนายสุธรรมอีกจำนวนมาก

เพราะเมื่อถูกบอร์ดจับได้เรื่องแก้สเปก นายสุธรรมก็ยืมมือนายโอฬาร เพียรธรรม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่(เกษียณไปแล้ว) และนายปรีชา รักษาชาติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่(ในขณะนั้น) ล้มโครงการโทรศัพท์ 5 แสนเลขหมาย เปลี่ยนวิธีการเป็นให้แต่ละฝ่ายโทรศัพท์ที่ประกอบด้วยฝ่ายโทรศัพท์นครหลวง 4 ฝ่ายกับฝ่ายโทรศัพท์ภูมิภาค 5 ฝ่าย สามารถดำเนินการจัดซื้อจัดหาขยายเลขหมายได้ตามใจชอบแทน

แต่บอร์ดศุภชัยก็รู้ทัน ทำให้นายโอฬาร ถึงกับต้องขอโทษบอร์ด เพราะถือเป็นการฝ่าฝืนมติบอร์ด ที่ได้อนุมัติหลักการไปแล้ว ท่ามกลางความไม่พอใจของนายสุธรรมและนายปรีชาที่ฝังความแค้นไว้ในใจ เพราะถือเป็นการดึงเนื้อออกจากคอ

ปรีชา รักษาชาติ ปัจจุบันเป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นคนที่ประสานมือกับสุธรรม มีบทบาทในช่วงแรก เพราะเป็นคนที่เดินทางไปประเทศจีนพร้อมกับสุธรรมเพื่อเจรจาจนเกือบเซ็นเอ็มโอยูกับเซี่ยงไฮ้ เบลล์ รวมทั้งยังมีการเจรจากับหัวเหว่ย โดยจีนจะจัดหาแหล่งเงินกู้ให้ แต่การซื้อขายต้องทำผ่านบริษัทคนไทยที่มีชื่อเสียโด่งดังตอนทำไอพีเน็ตเวิร์กให้ทศท.เนื่องจากมีประสบการณ์แค่ขายพัดลมแต่หาญกล้ามาให้บริการไฮเทคโนโลยี

เมื่อสุธรรมพ้นจากตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด พร้อมกับการก้าวเข้ามาแทนที่ของนายสิทธิชัย ส่งพิริยะกิจ และบอร์ดชุดใหม่ของคุณหญิงทิพาวดี ความหวังของเหล่ามารก็เรืองรองขึ้นอีกครั้ง เพราะความไม่มี "สี" ของสิทธิชัย และการทำงานแบบประณีประนอมอ่อนข้อทำให้เหล่าลูกน้องผู้บริหารระดับรอง ได้ใจคิดหากินซ้ำสอง
"วิธีถนัดพวกนี้คือแก้สเปก ให้เข้าทางพวกตัวเอง"

บอร์ดคุณหญิงทิพาวดี มีมติในการประชุมครั้งที่ 2/2546(กรณีพิเศษ) เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2546 ให้ความเห็นชอบหลักการโครงการขยายบริการโทรศัพท์จำนวน 565,500 เลขหมาย โดยให้หารือกับที่ปรึกษาประธานกรรมการ บมจ.ทศท.(นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม) ในรายละเอียดอีกครั้งก่อนนำเสนอโครงการต่อสศช.(สภาพัฒน์ฯ) เนื่องจากสศช.ต้องการให้ทศท.นำเสนอแผนงานการขยายเลขหมายดังกล่าวในรูปแบบของโครงการ

การนำเสนอในรูปโครงการคือการนำเสนอหลักการ เหตุผลที่ต้องการขยายเลขหมาย เป้าหมายของโครงการ รูปแบบโครงสร้างทางการเงิน ผลตอบแทนการลงทุนต่างๆ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับสเปกหรือเงื่อนไขการประกวดราคาเลย

สิ่งที่ยืนยันถึงความต้องการคุณหญิงทิพาวดี ที่ให้คงตามหลักการบอร์ดชุดเดิมของนายศุภชัย คือ เมื่อพล.อ.สมชัย สมประสงค์ รองประธานบอร์ดได้ถามถึงวิธีการประมูล คุณหญิงตอบกลับในทำนองว่าเป็นเรื่องที่บอร์ดเดิมอนุมัติมาแล้ว ไม่ต้องถามถึง สิ่งที่บอร์ดชุดนี้ทำคือส่งเรื่องในรูปการนำเสนอแบบโครงการให้นายสรรเสริญดูรายละเอียดก่อนส่งสศช.เท่านั้น

3 แนวทางขัดหลักการเดิม

คำว่าให้ดูรายละเอียด กลายเป็นโอกาสที่ 3 ก๊กจัดการยำโครงการ 5 แสนเลขหมายใหม่ เพื่อให้ผลประโยชน์ลงตัวเฉพาะพรรคพวก

ปรีชา ร่วมกับผู้บริหารที่รับผิดชอบโทรศัพท์พื้นฐาน นำเสนอ 3 แนวทางเลือกในการประกวดราคา โดยไม่สนใจว่าบอร์ดจะเคยมีมติอนุมัติหลักการมาเช่นไร

กล่าวโดยสรุปคือแนวทาง 1 คงตามแนวทางเดิม โดยเพิ่มข้อกำหนดคุณสมบัติขั้นต่ำของอุปกรณ์ชุมสายว่าระบบอุปกรณ์ Super Node และ Access Node รุ่นที่นำเสนอจะต้องเคยผ่านการใช้งานและเปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบันเป็นจำนวนอย่างน้อย 1 ชุมสายและ 100 ชุมสายตามลำดับ

แนวทางที่ 2 แยกเนื้องานระบบข่ายสายออกจากเนื้องานอุปกรณ์ชุมสายและสื่อสัญญาณ โดยส่วนกลางเป็นผู้ดำเนินการประกวดราคา และแนวทางที่ 3 แยกเนื้องานระบบข่ายสายออกจากเนื้องานอุปกรณ์ชุมสายและสื่อสัญญาณ และให้แต่ละพื้นที่เป็นผู้ดำเนินการประกวดราคางานระบบข่ายสายเองตามความเหมาะสม

แหล่งข่าวกล่าวว่าประเด็นที่น่าสนใจสำหรับ 3 แนวทางคือพวก 3 ก๊กต้องการให้เป็นแนวทางที่ 3 เพราะเท่ากับไม่ได้กำหนดคุณสมบัติใดๆของอุปกรณ์แค่บอกว่าผ่านการใช้งานเท่านั้น

ในขณะเดียวกัน งานด้านข่ายสายต้องการให้แต่ละพื้นที่ประมูลกันเอง เนื่องจากในแต่ละพื้นที่จะมีบริษัทที่ผู้บริหารทศท.ร่วมอยู่ด้วยไม่ว่าจะเป็นการถือหุ้นโดยตรงหรืออ้อมๆ หรือมีความสัมพันธ์แบบซ่อนเร้น เพราะคนทศท.จะมีความชำนาญในเรื่องการเดินข่ายสายโดยเฉพาะและมองว่าถึงบริษัทขนาดใหญ่ได้โครงการไป ก็ต้องมาจ้างบริษัทเล็กในลักษณะซับคอนแทรกเตอร์อยู่ดี

แต่พวกนี้ลืมไปว่า ถึงเป็นผู้รับเหมาช่วงต่อจากบริษํทใหญ่ แต่บริษัทใหญ่ยังคงต้องมีความรับผิดชอบในเนื้องานและผลงานอยู่ดี ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ แต่บริษัทเล็กๆวันดีคืนดีอาจปิดบริษัทหนีหายไปเมื่อไหร่ก็ได้

"พอเปลี่ยนบอร์ดใหม่ ก็เกิดแนวคิดจากระดับล่างที่ต้องการซอยงานลง แล้วอาศัยพวกมากบีบผู้บริหารระดับสูง โดยไม่คำนึงถึงหลักการว่าเป็นโครงการใหญ่มีความสำคัญควรให้คนมีประสบการณ์มาทำงาน"

นายสิทธิชัย ส่งพิริยะกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทศท.กล่าวว่า โดยวิธีการทำงานเวลาเสนอโครงการให้บอร์ดพิจารณา จำเป็นต้องเสนอหลายๆทางเลือกให้บอร์ดพิจารณา ซึ่งทั้ง 3 แนวทางดังกล่าว ได้สั่งการให้นำเข้าพิจารณาในกนบ.ก่อนที่จะนำเสนอบอร์ด ซึ่งโครงการ 5 แสนเลขหมายคงประมูลแล้วเสร็จภายใน 1-2 เดือนนี้

"ขึ้นอยู่กับบอร์ดว่าจะตัดสินใจเลือกแนวทางไหน แนวทางเดิมถือว่าหนึ่งในทางเลือกที่ทศท.จะเสนอ"

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในบอร์ดทศท.ชุดนี้มีคนที่เคยเป็นกรรมการบอร์ดชุดศุภชัยอยู่ 3 คนซึ่งหากต้องการแก้ไขวิธีการประมูล ทศท.คงต้องหาเหตุผลมาอธิบายให้หนักแน่นและชัดเจน เพราะนายสรรเสริญที่กลับมาเป็นที่ปรึกษาประธานบอร์ด เคยย้ำชัดเจนว่าไม่ต้องการให้เกิดการฮั้วประมูลเหมือนสมัยทำโครงการระบบสื่อสัญญาณความเร็วสูงหรือ SDH ครั้งแรกที่แบ่งเป็น 6 โซน แต่ฮั้วราคากันจนแพงและมีปัญหาทุจริตคอรัปชันจนต้องล้มประมูล

แต่เขาต้องการให้ประมูลรวมแข่งกันให้เหลือรายเดียวเพื่อให้เกิดการต่อสู้ด้านราคาจนถึงที่สุดเพื่อให้ทศท.ได้ประโยชน์สูงสุด เช่นเดียวกับแนวคิดของนายสถิตย์ที่ย้ำว่าการสร้างคอนโดมิเนียม จะเอาผู้รับเหมาตึกแถวมาทำไม่ได้ รวมทั้งพล.ต.ท.บุญญฤทธิ์ คงต้องการคำอธิบายที่ชัดเจน ว่าทศท.มีเหตุผลอะไรที่จะมาหักล้างมติบอร์ดเดิมที่เขาร่วมเป็นกรรมการพิจารณาจนอนุมัติได้หลักการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us