“ธนพัฒน์ฯ” เปิดแผนลงทุนปี 51 ลุยตลาดอสังหาฯทุกเซกเมนต์ คอนโดฯ –บ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ มูลค่า 3-4 พันล้านบาท หวังกระจายความเสี่ยง เผยร่วมทุนเกาหลีเริ่มปี 51 เน้นโครงการไฮเอ็น ด้านยอดขาย “ธนาพัฒน์ วิภา”กว่า 53%
นายดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการพัฒนาในปี 51 ว่ายังเน้นความกระจายความเสี่ยงด้วยการพัฒนากระจายในทุกเซกเม้นท์ คือ ทั้งในรูปแบบของคอนโดมิเนียมแนวสูง,กลาง และโลว์ไรท์ รวมไปถึงบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ในเมือง มูลค่าโครงการ 3-4 พันล้านบาท ส่วนความคืบหน้าขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงินในการขอสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการ ขณะเดียวกันในโครงการที่มีที่ดินแล้วบริษัทก็มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการพร้อมกันในไตรมาส 1 ปี 51
ส่วนการร่วมทุนกับกลุ่มทุนจากประเทศเกาหลีนั้นคาดว่ามีแผนจะลงทุนร่วมกันได้ในปี 51 โดยจะเป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับไฮเอ็นด์ แต่เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทยังไม่เคยพัฒนาโครงการในรูปแบบดังกล่าวมาก่อนจึงยังไม่มีข้อมูลมากนัก ดังนั้นกลุ่มเกาหลีจึงต้องหาข้อมูลตลาดระดับบนด้วยตัวเองก่อน ซึ่งขณะนี้ได้เล็งที่ดินในการพัฒนาไว้หลายทำเล อาทิ สาทร,พระราม9 ,สุขุมวิท และเจริญกรุง เป็นต้น
“ปัจจุบันที่ดินย่านลาดพร้าว-รัชดาภิเษก ค่อนข้างแข่งขันกันอย่างดุเดือด บริษัทก็คงไม่ลงไปแข่งขันด้วย ในขณะที่การพัฒนาโครงการย่านสุขุมวิทจะไม่ค่อยแข่งขันมากนักเมื่อเทียบกับสมัยก่อน เพราะที่ดินเริ่มลดน้อยลง”นายดลพิวัฒน์ กล่าว
นายดลพิวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์ระดับ 5 ดาว ย่านสาทร-เจริญกรุง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สูงประมาณ 29-30 ชั้น รวมมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท บนพื้นที่ประมาณ 6 ไร่ ซึ่งคงเป็นในรูปแบบของการร่วมทุน โดยอาจจะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรใหม่หรือ กลุ่มทุนจากเกาหลี ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูลกฎหมายไทย
“ขณะนี้มีเชนจากต่างประเทศสนใจโครงการของบริษัทอยู่ 2-3 ราย โดยความเป็นไปได้จะเลือกเชนที่เคยเข้ามาบริหารโครงการในประเทศไทยอยู่ส่วนหนึ่งแล้ว”
ส่วนความคืบหน้าโครงการ”ธนาพัฒน์ วิภา” หลังจากที่เปิดการขายอย่างเป็นทางการไปเมื่อปลายเดือนต.ค.50 ที่ผ่านมา ขณะนี้มียอดขายแล้วประมาณ 388 ยูนิต หรือ 53% ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้แล้วทั้งสิ้นกว่า 1,500 ล้านบาท คาดว่าจนถึงปลายปีรายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้คือ 2,000 ล้านบาท
|
