คิมเบอร์ลี่ย์ – คล๊าค รุกตลาดส่งออก ทุ่ม 200 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิต 1.6 ล้านหีบ ขยายตลาดส่งออกกลุ่มธุรกิจสถาบันทั่วเอเชีย นำร่องบุกออสเตรเลียรับอานิสงส์เอฟทีเอภาษีเหลือ 5-10% ตั้งเป้าปีหน้ารายได้ส่งออกทะลุ 5.5 พันล้านบาท

นายเดวิด ออสบอร์น กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิมเบอร์ลี่ย์ – คล๊าค ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกระดาษทิชชู สก๊อตต์ คลีเน็กซ์ เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ทุ่มงบประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตโรงงานจังหวัดสมุทรปราการ ราว 1.6 ล้านหีบ หรือ 8,500 ตัน คิดเป็นมูลค่า 1.36 พันล้านบาท ทั้งนี้เพื่อรองรับนโยบายขยายการส่งออกไปสู่กลุ่มธุรกิจสถาบันทั่วภูมิภาคเอเชีย

โดยบริษัทฯวางเป้าหมายในปีหน้า สัดส่วนรายได้จากการส่งออกจะเพิ่มจาก 5% เป็น 35% หรือมีรายได้ทะลุ 5.5 พันล้านบาท ส่วนในประเทศจาก 95% เหลือเป็น 65% และในอีก 5 ปี สัดส่วนส่งออกเพิ่มเป็น 45% และภายประเทศเหลือเพียง 55%

สำหรับการขยายกำลังการผลิตได้ดำเนินงานแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม ที่ผ่านมานี้ โดยขณะนี้ใช้กำลังการผลิตเพียง 30% เท่านั้น คาดว่าในอีก 5 ปี จะเต็มกำลังการผลิต โดยได้เริ่มเดินสายการผลิตเพื่อการส่งออกไปยังประเทศออสเตรเลีย ได้แก่ ซิดนีย์ เมลเบิร์น เพิร์ธ และบริสเบน รวมทั้งเมืองอ๊อคแลนด์ นิวซีแลนด์ เป็นต้น เนื่องจากผลของการเปิดการค้าเสรีระหว่างประเทศไทยและออสเตรเลีย ส่งผลให้ภาษีนำเข้าลดลง 5-10% ทั้งนี้คาดว่าการขยายกำลังการผลิตในครั้งนี้ จะมีรายได้จากการส่งออกไปออสเตรเลีย 1.4 พันล้านบาทต่อปี ส่วนรายได้รวมส่งออก 3.4 พันล้านบาท

“บริษัทฯมีโรงงานใน 37 ประเทศ ซึ่งแต่ละโรงงานจะมีสายการผลิตเพื่อการส่งออกแตกต่างกัน อย่างสิงคโปร์ส่งออกผ้าอ้อม สำหรับไทยเป็นประเทศที่มีฐานการผลิตคุณภาพสูงและโดดเด่นที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนา และโรงงานจ. สมุทรปราการ ยังเป็นโรงงานที่มีศักยภาพสำหรับการผลิตเพื่อการส่งออก ดังนั้นจึงตัดสินใจใช้ไทยเป็นโรงงานผลิตกระดาษทิชชู ซึ่งบริษัทฯได้จ้างงานเพิ่มถึง 100 อัตราเพื่อรองรับกับการขยายกำลังการผลิตครั้งนี้”

อย่างไรก็ตามบริษัทฯจะมุ่งเน้นตลาดส่งออกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหลัก ส่วนการทำตลาดภายในประเทศ บริษัทฯได้รุกตลาดกลุ่มธุรกิจสถาบันในปีนี้ อาทิ กลุ่มโรงพยาบาล โรงงานอุตสาหกรรม และร้านอาหาร

สำหรับตลาดกระดาษทิชชูมูลค่า 3.8 พันล้านบาท ในปีนี้มีอัตราการเติบโต 10-12% โดยผลประกอบการปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 15-20% หรือมีรายได้ 3.5 พันล้านบาท ส่วนผลประกอบการจากการจำหน่าย 150 ประเทศ ในปีที่ผ่านมามีราว 16,700 ล้านเหรียญสหรัฐ