Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2534








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2534
กม.อนุรักษ์คุมเข้มโรงงาน ปี '35 ยิ่งประหยัดยิ่งได้โชค             
 


   
search resources

สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
Electricity
ไพจิตร เอื้อทวีกุล




ปีหน้า...จะมีมิติใหม่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมไทย...!

ไพจิตร เอื้อทวีกุล ประธานคณะอนุกรรมการนโยบายพลังงาน กล่าวถึงทิศทางการพัฒนาธุรกิจน้ำมันของไทยเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมศกนี้ว่า พ.ร.บ.อนุรักษ์พลังงานคงจะนำมาประกาศใช้ได้ในปี 2535

พร้อมกันนี้ จะตั้ง "กองทุนอนุรักษ์พลังงาน" ด้วยวงเงินเริ่มต้นไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาทจากกองทุนน้ำมัน เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และจูงใจให้ประหยัดการใช้เชื้อเพลิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีเครื่องจักร ช่วยในการเปลี่ยนอุปกรณ์ที่มุ่งประหยัดพลังงานเป็นพิเศษ

เพราะที่ผ่านมา การขยายตัวทางอุตสาหกรรมที่เป็นไปอย่างรวดเร็วไม่น้อยกว่า 10% ต่อปี และยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวในเกณฑ์สูงตลอดช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (ปี 2535-2539) ทำให้ต้องเพิ่มการใช้พลังงานมากขึ้นจนละเลยการประหยัดไป

จะเห็นว่า ตัวเลขการนำเข้าสินค้าจะเป็นน้ำมันเสียส่วนใหญ่ ในปี 2533 มูลค่านำเข้าน้ำมันสูงกว่า 60,000 ล้านบาท และแนวโน้มการใช้น้ำมันจะเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านลิตรต่อปี สาเหตุสำคัญเนื่องจากยังไม่มีการใช้น้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ

ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จึงผลักดัน พ.ร.บ.อนุรักษ์ฯ ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อนำหนุนให้เกิดการปฏิบัติจริงในการประหยัดพลังงาน

พ.ร.บ.นี้ ได้กำหนดให้โรงงานทุกแห่งต้องมีเจ้าหน้าที่ควบคุมการใช้เชื้อเพลิงและต้องเป็นวิศวกรที่มีประสบการณ์ในโรงงานอย่างน้อย 3 ปี ซึ่งจะมีหน้าที่เก็บข้อมูลการผลิต รายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ใช้ และเสนอแผนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรายงานต่อกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน กระทรวงวิทย์ฯ โดยในภาคปฏิบัติจะมีศูนย์อนุรักษ์พลังงานเป็นผู้ดำเนินการ เพื่อดูว่าแต่ละโรงงานใช้พลังงานกันอย่างไร

แต่ละโรงงานจะถูกกำหนดให้ปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้เชื้อเพลิง ให้ลดการสูญเสีย และหมุนเวียนพลังงานกลับมาใช้ใหม่ ตลอดจนให้ประหยัดเป็นพิเศษในช่วง PEAK TIME คือ ช่วงเวลา 18.30 น. ถึง 21.30 น.

สำหรับตัวเครื่องจักรอุปกรณ์ตาม พ.ร.บ.อนุรักษ์ฯ จะส่งเสริมทั้งผู้ใช้และผู้ผลิต โรงงานใดที่เปลี่ยนอุปกรณ์จากไม่ประหยัดมาเป็นประหยัดพลังงานตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง นอกจากกระทรวงวิทย์ฯ จะลดภาษีนำเข้าอุปกรณ์ให้ 7-10% ตามข้อกำหนดเดิมแล้ว หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องยังจะช่วยสนับสนุนอีกทางหนึ่ง คือ โรงงานนั้นขอกู้เงินจากบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมฯ หรือธนาคารต่าง ๆ เพื่อซื้ออุปกรณ์และวัสดุที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ได้อีกต่างหาก

ขณะเดียวกัน จะพิจารณาลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ให้ไม่เกิน 10% ของเงินลงทุนเป็นเวลา 5 ปีสำหรับโครงการลงทุนเหล่านี้ พร้อมทั้งให้เงินอุดหนุนโรงงานผู้ใช้และผู้ผลิตวัสดุอุปกรณ์ที่เน้นการประหยัดพลังงาน

เมื่อมีมาตรการส่งเสริมและสนับสนุน พ.ร.บ. ยังได้กำหนดมาตรการลงโทษผู้ฝ่าฝืนโรงงานที่ไม่ทำตามกฎหมาย จะถูกปรับตั้งแต่ 10,000 บาทถึง 50,000 บาท

ส่วนการประหยัดตามอาคารนั้น จะออกพระราชกฤษฎีกาคุมอาคาร ซึ่งจะกำหนดประเภท ขนาด และปริมาณการใช้พลังงาน ตั้งแต่การออกแบบอาคารที่จะมุ่งใช้สร้างด้วยวัสดุที่จะช่วยประหยัดพลังงานสำหรับภายในตัวอาคาร การใช้พลังงานไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศและทำความร้อน จะกำหนดมาตรฐานใหม่

เริ่มจากเครื่องปรับอากาศ จะให้ติดตั้งเทอร์โมสแตท ช่วยคุมการทำงานของเครื่อง เพราะการตั้งอุณหภูมิของเครื่องที่ต่ำเกินไปทำให้เปลืองไฟฟ้า จากข้อมูลของศูนย์อนุรักษ์ฯ พบว่า อุณหภูมิที่ตั้งต่ำลงทุกหนึ่งองศาเซ็นติเกรด ทำให้ต้องใช้ไฟฟ้าเพิ่มอีก 7%

โดยเฉพาะทางภาคราชการจะเจอปัญหานี้มากกว่าเอกชน เพราะจะใช้เครื่องปรับอากาศซึ่งมีอายุนับ 10 ปีขึ้นไป ซึ่งควรจะเปลี่ยนมาใช้เครื่องใหม่ จะทำให้ช่วยประหยัดได้มากกว่าหรืออย่างตอนเที่ยง ถ้าปิดแอร์หนึ่งชั่วโมงก็จะช่วยประหยัดได้อีกหลายสิบเปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติซึ่งมี อานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรีเป็นประธานโดยตำแหน่งกำลังจัดตั้งสำนักงาน DSM (DEMAND SIGN MANAGEMENT) ประกอบด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)

สำนักงานนี้จะมุ่งเน้นการใช้ไฟฟ้าของทุกกลุ่มให้ได้ประสิทธิภาพโดยเฉพาะ จะมีโครงการแนะนำสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมก็คือ หนุนให้เปลี่ยนใช้มอเตอร์ใหม่ที่ช่วยประหยัดไฟแทนของเก่า รวมถึงการให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ผลิตมอเตอร์ชนิดประหยัดไฟ

การประเดิมที่มอเตอร์ก่อน เนื่องจากตอนนี้มีมอเตอร์ที่ใช้อยู่กว่าล้านตัวทั่วประเทศ ซึ่งโรงงานจะใช้ไฟเดินมอเตอร์ เพื่อใช้ขับปั๊ม พัดลม สายพานลำเลียง หรือคอมเพรสเซอร์ถึง 75%

แผนปฏิบัตินี้เป็นแผนระยะสั้นมีกำหนดเวลา 3 ปี จะใช้เงินประมาณ 700 กว่าล้านบาท ซึ่งจะลดการใช้ไฟได้ร่วม 140 ล้านหน่วย และประหยัดเงินโดยไม่ต้องลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากการศึกษาของ กฟผ. พบว่า ถ้าประชาชนใช้ไฟน้อยลง 1 กิโลวัตต์ จะประหยัดการลงทุนไปได้ 40,000 บาท ทางสำนักงานนโยบายพลังงานแห่งชาติจึงกำหนดให้สำนักงาน DSM เป็นผู้กำหนดวิธีในการประหยัดไฟฟ้ารูปแบบต่าง ๆ

นี่ยังไม่รวมไปถึงโครงการเปลี่ยนหลอดไฟใหม่ โดยจะสนับสนุนให้ใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์แบบประหยัด หรือกำหนดให้ตึกที่จะสร้างใหม่ใช้กระจกหน้าต่างแบบสะท้อนแสง

พ.ร.บ.อนุรักษ์ซึ่งกำหนดจะใช้ในปี 2535 นับเป็นกฎหมายที่ช่วยให้โรงงานใช้พลังงานอย่างประหยัดได้สิทธิประโยชน์และลดต้นทุนไปในตัว ส่วนใครที่ยังคงใช้พลังงานแบบสบาย ๆ ตามความเคยชินอย่างแต่ก่อน นอกจากจะต้องเพิ่มต้นทุนในการผลิตแล้ว ยังกลายเป็นคนล้าสมัย และผิดกฎหมาย

ทิศทางใหม่ที่เป็นจริงของการประหยัดพลังงานจะเริ่มต้นพร้อม ๆ กับการยกระดับของสำนักงานพลังงานแห่งชาติ (พช.) ขึ้นเป็นกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน ซึ่งจะเป็นหน่วยงานสำคัญในการรณรงค์และฝึกอบรมแก่โรงงานร่วมแสนแห่งทั่วประเทศ เพื่อก้าวไปสู่การประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง

ขณะที่ "ประเทศ สูตะบุตร" รองเลขาธิการ พช. เพิ่งจะก้าวขึ้นเป็นเลขาธิการแทนประพัทธ์ เปรมมณี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมศกนี้

ประเทศซึ่งเป็นวิศวกรลูกหม้อเก่าแก่ของ พช. จะเริ่มต้นตำแหน่งใหม่พร้อมกับสถานะของหน่วยงานที่สูงขึ้น และฝันใหม่กับเส้นทางการประหยัดพลังงานทุกรูปแบบที่จะเป็นรูปเป็นร่างและเป็นจริงเสียที

โรงงานที่พัฒนาตัวเองตลอดเวลาก็ถือว่าได้โชคจาก พ.ร.บ.นี้ไป และอุตสาหกรรมไทยจะได้ยกระดับไปสู่มาตรฐานการผลิตที่ดีขึ้น ส่วนใครที่ยิ่งใช้พลังงานมากก็ยิ่งต้องจ่ายแพง...!

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us