ที.ซี.ยูเนี่ยน ชี้ 2-3 เดือนนี้ทัพฟังก์ชันนัลดริงก์พาเหรดเปิดตัวกว่า 10 แบรนด์ หวังชิงชิ้นเค้กมูลค่า 2,000 ล้านบาทปีหน้า อัดฉีด 100 ล้านบาท รุกหนักตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ หวัง 3-5 ปี รั้งบัลลังก์อันดับ 3 ของตลาด ปูพรมเท 20 ล้านบาท ปั้น “เวคกี้ รีลีฟ” เจาะคนรุ่นใหม่ ตั้งเป้าปีแรกกวาด 100 ล้านบาท แชร์ 10%

นายปิติ กิตติธีรพรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.ซี.ยูเนี่ยน โกลบอล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม โอเม็กซ์ บลิ๊งค์ ยู-สริม และเวคกี้ เปิดเผยว่า แนวโน้มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์หรือเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางโภชนาการเฉพาะด้านในช่องทางโมเดิร์นเทรดจะมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มเท่าตัว จากปีนี้มูลค่าตลาด 1,000 ล้านบาท เติบโตเท่าตัวเช่นกัน ส่วนหลังจาก 3-5 ปีคาดว่าตลาดจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 20%

ขณะนี้มีผู้ประกอบการเปิดตัวฟังก์ชันนัลดริงก์ 6-7 ตัว และคาดว่าภายใน 2-3 เดือนจากนี้มีเครื่องดื่มใหม่กว่า 10 ตัวเปิดตัวลงสู่ตลาด ซึ่งในปีหน้าเครื่องดื่มที่สร้างมูลค่าด้วยการผสมต่างๆ ยังเป็นตลาดใหญ่คือสัดส่วน 70% ส่วนที่เป็นฟังก์ชันนัลดริงก์สัดส่วน 30% เนื่องจากตลาดดังกล่าวต้องใช้เวลาในการให้ความรู้แก่ผู้บริโภค

บริษัทฯวางเป้าหมาย 3-5 ปี จะเป็นผู้นำอันดับสามของตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ ด้วยส่วนแบ่ง 25% ในปีหน้าบริษัทฯจะทุ่มงบ 80-100 ล้านบาท เปิดตัวฟังก์ชันนัลดริงก์ในช่วงไตรมาสสามภายใต้แบรนด์เวคกี้และบลิ๊งค์ เป็นต้น ตลอดจนในรูปแบบแคปซูล

ล่าสุดบริษัทเปิดตัว “เวคกี้-รีลีฟ” เครื่องดื่มที่มีส่วนช่วยในการขับของเสียออกจากร่างกาย เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 20 ปีขึ้นไป มีรายได้อยู่ในระดับบี ขนาด 100 มล. ราคา 25 บาท จำหน่ายผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ห้างสรรพสินค้า ตลอดจนร้านค้าปลีกทั่วไป ร้านขายยาและอาหารเสริม เป็นต้น

โดยใช้งบการตลาด 20 ล้านบาท แบ่งเป็น อะโบฟ เดอะ ไลน์ 30% และบีโลว์ เดอะไลน์ 70% นำร่องเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชื่อชุด “แรงบันดาลใจ” ตลอดจนการจัดกิจกรรม แจกสินค้าตัวอย่างกว่า 1 แสนขวด การร่วมมือกับคู่ค้าในการทำโปรโมชั่น ตั้งเป้ายอดขายปีแรก 100 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่ง 10% จากมูลค่า 1,000 ล้านบาท

ผลประกอบการปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 15% หรือมีรายได้ 280 ล้านบาท เกินเป้าหมายที่ตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10% หรือมีรายได้ 250 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหลังจากที่บริษัทรุกตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์คาดว่าในปีหน้านี้สัดส่วนรายได้ฟังก์ชันนัลเพิ่มจาก 30% เป็น 45%