- ฮอนด้า–ยามาฮ่าดิ้นสู้ตลาดสองล้อช่วงขาลง
- ชู Below the line หัวหอกเจาะตรงกลุ่มวัยรุ่น
- พร้อมส่งชุดแต่งเจาะไลฟ์สไตล์วัยรุ่น เสริมรายได้
ตลาดรถจักรยานยนต์ 9 เดือนที่ผ่านมาตัวเลขจดทะเบียนรวมยังทรุด โดยตั้งแต่เดือนม.ค. – ก.ย. ของปีนี้ มีปริมาณทั้งสิ้น 1,239,813 คัน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้ามีจำนวน 1,496,327 คัน ลดลง 256,514 คัน หรือมีอัตราการเติบโตลดลง 17% และเมื่อมาดูตัวเลขยอดจดทะเบียนในเดือนกันยายนพบว่าทำสถิติยอดจดทะเบียนต่ำสุดในปีนี้ ด้วยปริมาณเพียง 117,210 คัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าแล้วมีอัตราการเติบโตลดลงถึง 20%โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ตัวเลขจดทะเบียนทรุดเป็นผลมาจากสภาวะตลาดที่ถดถอย ทำให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย ประกอบกับเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของการขาย จึงทำให้ตัวเลขรวมหดตัวอย่างเห็นได้ชัด
แม้ตัวเลขจดทะเบียนรวมจะลดลง แต่เมื่อกลับมาดูตัวเลขประเภทจักรยานยนต์เอ.ที. หรือ รถเกียร์อัตโนมัติ กลับมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยมีตัวเลขเป็นอันดับสองรองจากรถครอบครัว ซึ่งตัวเลขยอดจดทะเบียนรวม 9 เดือนของรถเอ.ทีที่ปริมาณทั้งสิ้น 560,059 คัน เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดือนเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณ 456,986 คัน หรือ คิดเป็นสัดส่วน 45 % ของตลาดรวม
ผลจากการตอบรับของตลาดรถเอ.ที.ทำให้ค่ายเบอร์หนึ่งและเบอร์สองอย่างฮอนด้าและยามาฮ่า ที่มีรถตัวนำ ฮอนด้า ไอคอน ที่เพิ่งทำการเปิดตัวไปในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และ ยามาฮ่า นิวฟีโน่ ต่างก็เดินกลยุทธ์การตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่ายฮอนด้าที่มุ่งหวังกับรถเอ.ทีในรุ่นนี้มาก ดังจะเห็นจากการตั้งเป้าการจำหน่ายกว่า 10,000 คันต่อเดือน
กลยุทธ์แรกที่ฮอนด้านำมาใช้เพื่อสื่อสารกับกลุ่มผู้บริโภค คือการคัดเลือกพรีเซ็นเตอร์ ถือเป็นสื่อที่สามารถส่งถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน โดยฮอนด้าเชื่อมั่นว่ากลุ่มพรีเซ็นเตอร์อย่างน้องสายป่าน ที่เป็นตัวแทนของ ไอคอน คิวท์ ,วง แบล็ก วานิลลา ตัวแทนของ ไอคอน ไซเบอร์ และ ไนท์ ทู มีท ยู ตัวแทนไอคอน สปอร์ต จะสื่อให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์ของกลุ่มวัยรุ่นที่มีสไตล์การดำรงชีวิตที่เป็นตัวของตัวเอง แปลกแหวกแนว ในขณะที่ค่ายยามาฮ่า ที่ดำเนินนโยบายสร้างความแตกต่างให้กับ ฟีโน่ จนประสบความสำเร็จ ก็ได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่อย่าง กอล์ฟ – ไมค์, พันซ์ , ชิน และ เต้ย ซึ่งทั้งหมดได้ถูกนำมาสื่อสารกับกลุ่มผู้บริโภค โดยมีการบอกให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนผ่านโฆษณาแต่ละชิ้นงาน
นอกจากนั้นแล้วในการเปิดตัวรถ – พรีเซ็นเตอร์ใหม่ในครั้งนี้ของทั้งสองค่ายยังมีการเสริมกลยุทธ์Below The Line อย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรมโรดโชว์ และ เปิดตัวตามศูนย์กลางการค้า หรือแหล่งรวมวัยรุ่น เรื่อยไปถึงตามหัวเมืองใหญ่ทั่วประเภท ทั้งนี้เพื่อสร้างกระแสและกระตุ้นให้เกิดความนิยมในรถเอ.ที.ให้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
สำหรับกิจกรรม Below The Line ที่ทั้ง 2 ค่ายได้จัดขึ้นไม่เพียงกระตุ้นและการรับรู้ที่เพิ่มมากขึ้น แต่ยังได้ทำการกำหนดเทรนด์ใหม่ให้กับกลุ่มผู้ขับขี่สองล้อ จากเดิมที่เน้นการขับขี่สะดวกสบาย ก็มีการเพิ่มในส่วนของการดีไซน์ หรือ ตกแต่งรถ ในสไตล์ของตนเอง กิจกรรมทางการตลาดที่ได้จัดขึ้น ทั้ง 2 ค่ายต่างมีมุมให้ความรู้ในการตกแต่งรถในรูปแบบต่างๆผ่านผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยแนะนำ ว่าแต่งรถในแบบไหนที่สามารถใช้ขับขี่บนท้องถนนได้จริง โดยไม่ผิดกฎหมาย
แน่นอนว่าเมื่อผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้นในการตกแต่งรถ ตลาดของชุดอะไหล่ตกแต่งคัสตอมไมซ์ (Customized Parts) หรือ C-parts ที่ผลิตทั้งจากบริษัทผู้ผลิตและร้านตกแต่งทั่วไปก็จะมีอัตราการเติบโตเช่นเดียวกัน ซึ่งแต่ละค่ายผู้ผลิตต่างก็ได้มีการเล็งเห็นช่องว่างทางการตลาด จึงได้มีการจัดทำคอลเลคชั่น C-parts ออกมามากมาย เพื่อรองรับกับเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งผลจากการโรดโชว์ในแต่ละจังหวัดในช่วงที่ผ่านมาของแต่ละค่ายในช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพบว่าความนิยมใน C-parts เพิ่มมากขึ้น
เรียกได้ว่าการแข่งขันของตลาดจักรยานยนต์เอ.ที.ในช่วงที่ผ่านมา คึกคักสวนกระแสสภาวะเศรษฐกิจ แม้จะดูดุเดือดเลือดพล่าน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการกระตุ้นตลาด และ การวางหมากของทั้ง ฮอนด้า และ ยามาฮ่า ทำให้ตลาดจักรยานยนต์มีสีสันเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่จักรยานยนต์อาจจะมีไว้เพื่อขับขี่ แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นสินค้าแฟชั่น และสามารถบ่งบอกหรือกำหนดให้เห็นถึงเทรนด์และไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่นในอนาคตได้
|