Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์12 พฤศจิกายน 2550
ศึก2ล้อโค้งสุดท้ายมันหยด ฮอนด้า-ยามาฮ่าละเลงงบ Below the line             
 


   
search resources

Motorcycle
เอ.พี. ฮอนด้า, บจก.




- ฮอนด้า–ยามาฮ่าดิ้นสู้ตลาดสองล้อช่วงขาลง
- ชู Below the line หัวหอกเจาะตรงกลุ่มวัยรุ่น
- พร้อมส่งชุดแต่งเจาะไลฟ์สไตล์วัยรุ่น เสริมรายได้

ตลาดรถจักรยานยนต์ 9 เดือนที่ผ่านมาตัวเลขจดทะเบียนรวมยังทรุด โดยตั้งแต่เดือนม.ค. – ก.ย. ของปีนี้ มีปริมาณทั้งสิ้น 1,239,813 คัน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้ามีจำนวน 1,496,327 คัน ลดลง 256,514 คัน หรือมีอัตราการเติบโตลดลง 17% และเมื่อมาดูตัวเลขยอดจดทะเบียนในเดือนกันยายนพบว่าทำสถิติยอดจดทะเบียนต่ำสุดในปีนี้ ด้วยปริมาณเพียง 117,210 คัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าแล้วมีอัตราการเติบโตลดลงถึง 20%โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ตัวเลขจดทะเบียนทรุดเป็นผลมาจากสภาวะตลาดที่ถดถอย ทำให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย ประกอบกับเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของการขาย จึงทำให้ตัวเลขรวมหดตัวอย่างเห็นได้ชัด

แม้ตัวเลขจดทะเบียนรวมจะลดลง แต่เมื่อกลับมาดูตัวเลขประเภทจักรยานยนต์เอ.ที. หรือ รถเกียร์อัตโนมัติ กลับมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยมีตัวเลขเป็นอันดับสองรองจากรถครอบครัว ซึ่งตัวเลขยอดจดทะเบียนรวม 9 เดือนของรถเอ.ทีที่ปริมาณทั้งสิ้น 560,059 คัน เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดือนเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณ 456,986 คัน หรือ คิดเป็นสัดส่วน 45 % ของตลาดรวม

ผลจากการตอบรับของตลาดรถเอ.ที.ทำให้ค่ายเบอร์หนึ่งและเบอร์สองอย่างฮอนด้าและยามาฮ่า ที่มีรถตัวนำ ฮอนด้า ไอคอน ที่เพิ่งทำการเปิดตัวไปในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และ ยามาฮ่า นิวฟีโน่ ต่างก็เดินกลยุทธ์การตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่ายฮอนด้าที่มุ่งหวังกับรถเอ.ทีในรุ่นนี้มาก ดังจะเห็นจากการตั้งเป้าการจำหน่ายกว่า 10,000 คันต่อเดือน

กลยุทธ์แรกที่ฮอนด้านำมาใช้เพื่อสื่อสารกับกลุ่มผู้บริโภค คือการคัดเลือกพรีเซ็นเตอร์ ถือเป็นสื่อที่สามารถส่งถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน โดยฮอนด้าเชื่อมั่นว่ากลุ่มพรีเซ็นเตอร์อย่างน้องสายป่าน ที่เป็นตัวแทนของ ไอคอน คิวท์ ,วง แบล็ก วานิลลา ตัวแทนของ ไอคอน ไซเบอร์ และ ไนท์ ทู มีท ยู ตัวแทนไอคอน สปอร์ต จะสื่อให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์ของกลุ่มวัยรุ่นที่มีสไตล์การดำรงชีวิตที่เป็นตัวของตัวเอง แปลกแหวกแนว ในขณะที่ค่ายยามาฮ่า ที่ดำเนินนโยบายสร้างความแตกต่างให้กับ ฟีโน่ จนประสบความสำเร็จ ก็ได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่อย่าง กอล์ฟ – ไมค์, พันซ์ , ชิน และ เต้ย ซึ่งทั้งหมดได้ถูกนำมาสื่อสารกับกลุ่มผู้บริโภค โดยมีการบอกให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนผ่านโฆษณาแต่ละชิ้นงาน

นอกจากนั้นแล้วในการเปิดตัวรถ – พรีเซ็นเตอร์ใหม่ในครั้งนี้ของทั้งสองค่ายยังมีการเสริมกลยุทธ์Below The Line อย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรมโรดโชว์ และ เปิดตัวตามศูนย์กลางการค้า หรือแหล่งรวมวัยรุ่น เรื่อยไปถึงตามหัวเมืองใหญ่ทั่วประเภท ทั้งนี้เพื่อสร้างกระแสและกระตุ้นให้เกิดความนิยมในรถเอ.ที.ให้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น

สำหรับกิจกรรม Below The Line ที่ทั้ง 2 ค่ายได้จัดขึ้นไม่เพียงกระตุ้นและการรับรู้ที่เพิ่มมากขึ้น แต่ยังได้ทำการกำหนดเทรนด์ใหม่ให้กับกลุ่มผู้ขับขี่สองล้อ จากเดิมที่เน้นการขับขี่สะดวกสบาย ก็มีการเพิ่มในส่วนของการดีไซน์ หรือ ตกแต่งรถ ในสไตล์ของตนเอง กิจกรรมทางการตลาดที่ได้จัดขึ้น ทั้ง 2 ค่ายต่างมีมุมให้ความรู้ในการตกแต่งรถในรูปแบบต่างๆผ่านผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยแนะนำ ว่าแต่งรถในแบบไหนที่สามารถใช้ขับขี่บนท้องถนนได้จริง โดยไม่ผิดกฎหมาย

แน่นอนว่าเมื่อผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้นในการตกแต่งรถ ตลาดของชุดอะไหล่ตกแต่งคัสตอมไมซ์ (Customized Parts) หรือ C-parts ที่ผลิตทั้งจากบริษัทผู้ผลิตและร้านตกแต่งทั่วไปก็จะมีอัตราการเติบโตเช่นเดียวกัน ซึ่งแต่ละค่ายผู้ผลิตต่างก็ได้มีการเล็งเห็นช่องว่างทางการตลาด จึงได้มีการจัดทำคอลเลคชั่น C-parts ออกมามากมาย เพื่อรองรับกับเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งผลจากการโรดโชว์ในแต่ละจังหวัดในช่วงที่ผ่านมาของแต่ละค่ายในช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพบว่าความนิยมใน C-parts เพิ่มมากขึ้น

เรียกได้ว่าการแข่งขันของตลาดจักรยานยนต์เอ.ที.ในช่วงที่ผ่านมา คึกคักสวนกระแสสภาวะเศรษฐกิจ แม้จะดูดุเดือดเลือดพล่าน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการกระตุ้นตลาด และ การวางหมากของทั้ง ฮอนด้า และ ยามาฮ่า ทำให้ตลาดจักรยานยนต์มีสีสันเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่จักรยานยนต์อาจจะมีไว้เพื่อขับขี่ แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นสินค้าแฟชั่น และสามารถบ่งบอกหรือกำหนดให้เห็นถึงเทรนด์และไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่นในอนาคตได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us