|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ผู้ประกอบการแห่ขอขึ้นราคาสินค้าทั้งก่อนและหลังปีใหม่อ้างแบกรับภาระต้นทุนพุ่ง-ค่าขนส่งเพิ่มไม่ไหว เล็งนำร่อง “มาม่า-ปิโตรฯ-ก่อสร้าง” เดือนธ.ค.นี้ ขณะที่กรมการค้าภายในยื้อให้ขึ้นหลังปีใหม่และราคาต้องสมเหตุผล ด้านส.อ.ท.ยืนยันขาดทุนจริง-ภาระเพิ่มเพิ่มจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้า ขณะที่นักวิชาการเชื่อไม่กระทบศก. พร้อมอานิสงค์ “เลือกตั้ง-ปีใหม่” ขึ้นราคาสินค้าคนยังซื้อของเหมือนเดิม
หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ยอมไฟเขียวให้ผู้เลี้ยงหมูปรับขึ้นราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มขึ้นแล้วไม่เกินกิโลกรัมละ 3 บาทเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์สูงขึ้นทำให้ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มจากเดิมกิโลกรัมละ 41 บาทขึ้นมาอยู่ที่ 44 บาทประกอบกับราคาน้ำมันที่แพงระดับทำนิวไฮ รอบใหม่และอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค.2550 เทียบเดือนก.ย.2550 เพิ่มขึ้น 0.9% โดยเมื่อเปรียบเทียบเดือน ต.ค.2549 เพิ่มขึ้น 2.5% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงเฉลี่ย 10 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.) เทียบช่วงเดียวกันปี 2549 เพิ่มขึ้น 2.1%
ซึ่งปัญหาดังกล่าวได้ขยายวงในวงกว้างเฉพาะต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าที่สูงขึ้นยังไม่รวมต้นทุนจากการขนส่งที่เป็นผลจากราคาน้ำมันแพง แต่การปรับราคาไม่สามารถทำได้ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ขอให้ผู้ประกอบการกลุ่มที่ยังไม่ขาดทุนแบกรับภาระไปก่อนและค่อยทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าในปีหน้าซึ่งไม่รู้ว่าจะอั้นราคาจนถึงสิ้นปีได้หรือไม่ ซึ่งภาคเอกชนได้ขอให้พิจารณาทบทวนต้นทุนสินค้า เพราะขณะนี้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นมากทั้งจากราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นและราคาน้ำมันดังนั้นควรจะปล่อยให้ราคาสินค้าสะท้อนตามต้นทุนที่แท้จริง
20 กว่ารายการสินค้าจ่อขึ้นราคา‘มาม่า’ ขอนำร่องขึ้น 1บาทเดือนธ.ค.นี้
ซึ่งล่าสุดมีสินค้าอีก 20 รายการที่ขอปรับขึ้นราคามายังกรมการค้าภายในและคาดว่าจะมีการพิจารณาให้ปรับขึ้นราคาสินค้าในปีหน้าอาทิ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ปลากระป๋อง ผลิตภัณฑ์นม ยารักษาโรค กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำอัดลม น้ำมันพืช ยางรถยนต์ แบตเตอรี่ ปุ๋ยเคมี เป็นต้น
ทว่าบริษัทไทยเพรสซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด(มหาชน)ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป“ตรามาม่า” ได้ทำหนังสือขอปรับราคามาม่าแบบซองและถ้วย (คัพ)อีก 1บาทหลังได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งแป้งสาลี และน้ำมันปาล์มซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาพิจารณาประมาณ 15 วันจึงได้คำตอบโดยคาดสามารถประกาศราคาขายใหม่ได้ภายในเดือนธ.ค.นี้หรือต้นเดือนม.ค.ปีหน้าเป็นอย่างช้า
‘แบ็ตฯ-ยางรถยนต์-ปุ้มปุ้ย’ ขึ้นปีหน้า กลุ่มอาหาร- เครื่องดื่มขอปรับราคาตาม
ขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการสินค้าที่ได้ยื่นคำขอปรับขึ้นราคาบ้างแล้วเช่น กลุ่มยางรถยนต์และแบตเตอรี่ได้ยื่นรายละเอียดต้นทุนราคาสินค้าและปรับปรุงข้อเสนอในการปรับราคาต่อกรมการค้าภายในโดยได้ชี้แจงรายละเอียดของต้นทุนต่างๆซึ่งกรมการค้าภายในจะอนุมัติให้ปรับราคาขึ้นคงจะเป็นช่วงหลังปีใหม่ ขณะที่บริษัทผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล ผู้ผลิตและจำหน่ายปลากระป๋อง “ตราปุ้มปุ้ยยืน” ยันแล้วว่าจะตรึงราคาต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้แต่ผลกระทบจากราคาต้นทุนที่สูงขึ้นเฉลี่ย 10-15% โดยได้ปรับตัวโดยการตัดงบโฆษณาในช่วง 2-3 เดือนสุดท้ายออกเพื่อป้องกันกำไรลดลงหรือมีต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดีสินค้ากลุ่มอาหารที่คาดว่าจะมีการปรับราคาจำหน่ายเพิ่มขึ้นมี อาทิ กลุ่มอาหารกล่องสำเร็จรูป, อาหารพร้อมปรุงที่จัดแพ็กสำเร็จรูป, ผลิตภัณฑ์ในหมวดเครื่องปรุงรส, อาหารทะเลแช่แข็งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น
‘กระทิงแดง’ยังตรึงราคา 10 บาท
ส่วนบริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มกระทิงแดงและสปอนเซอร์จะตรึงราคาสินค้าไว้ในราคาเดิมคือ 10 บาททั้งในส่วนของเครื่องดื่มกระทิงแดง และสปอนเซอร์ แม้ปัจจุบันจะมีต้นทุนด้านการขนส่งเพิ่มขึ้นมากว่า 10% เนื่องจากบริษัทยังสามารถปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับต้นทุนได้ ประกอบกับมีรายได้จากการส่งออกสินค้าช่วยเสริมรายได้ในประเทศ
ยืนยันปรับราคาต้องสมเหตุผลหลังปีใหม่หลายรายการจ่อขึ้นอีกเพียบ .!
“ยรรยง พวงราช” อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่าขอให้ผู้ผลิตไปปรับปรุงรายการสินค้าที่จะขอปรับราคามาใหม่โดยให้คำนึงถึงตัวเองที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตต่างๆคำนึงถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ซื้อสินค้าไปใช้หากมีการปรับราคาขึ้น คำนึงถึงผู้บริโภคและภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ พร้อมทั้งให้ใช้หลักความสมเหตุสมผลในการปรับราคามีความเป็นธรรมและปรับราคาแบบค่อยเป็นค่อยไป
ดังนั้นการขอปรับขึ้นราคาสินค้าควรคำนึงถึงผลรอบด้านที่ได้รับทั้งด้านบวกและลบด้วยก่อนหน้านี้ กรมการค้าภายในได้เชิญผู้ประกอบการในกลุ่มสินค้าอาหาร และของใช้ประจำวันมาหารือแล้วตามด้วยกลุ่มปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช และอาหารสัตว์ มาหารือต่อไปโดยมีเป้าหมายเพื่อให้ทราบต้นทุนที่แท้จริงของผู้ประกอบการสินค้ารายการต่างๆเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาอนุมัติให้ปรับราคา
“กรมฯจะพิจารณาให้และการอนุมัติให้ปรับราคาขึ้นคงจะเป็นช่วงหลังปีใหม่ไปแล้ว และจะใช้หลักเดียวกันนี้กับสินค้ารายการอื่นๆด้วย” อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวยืนยัน
ส.อ.ท.ยืนยันอั้นไม่อยู่ต้องขึ้นราคาสินค้า ‘มาม่า-ปิโตรฯ-ก่อสร้าง’ นำร่องขึ้นธ.ค.นี้
ด้าน“สันติ วิลาสศักดานนท์”ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)อธิบายว่า อยากให้เข้าใจว่าไม่ใช่ว่าผู้ประกอบการที่ยื่นขอขึ้นราคาสินค้าต่อกรมการค้าภายในเป็นการฉวยโอกาสเสมอไป เพราะสินค้าประเภทอุปโภค-บริโภคหากขึ้นราคาสินค้าแล้วอาจจะทำให้ความสามารถแข่งขันกับคู่แข่งน้อยลงไปผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงไม่อยากขึ้นราคาสินค้าหากไม่จำเป็น แต่เพราะที่ผ่านมาผู้ประกอบการหลายรายไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งจากค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น แม้จะพยายามตรึงราคาสินค้าให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ก็มีบางรายที่อั้นไม่อยู่เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้นมากจนผลประกอบการขาดทุน และวัตถุดิบที่นำเข้ามาได้จึงจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้าเพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง
ขณะที่สินค้าไม่ควบคุมราคาก็ยังขึ้น-ลงตามปกติแต่สินค้าที่มีปัญหาคือ 2 กลุ่มหลักคือ 1.กลุ่มสินค้าควบคุม 2.กลุ่มสินค้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด โดยใน 2 กลุ่มนี้บางตัวก็จำเป็นต้องขึ้นราคาอาทิ กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่ได้ยื่นคำขอต่อกรมการค้าภายในไปแล้วขณะที่ผู้ประกอบการบางรายก็หาทางปรับตัวโดยลดค่าโฆษณาสินค้าเพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
“มีหลายสินค้าที่สามารถตรึงราคาสินค้าได้ไปจนถึงช่วงปลายปีแต่จะต้องมีการปรับราคาสินค้าทันทีอาทิบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (มาม่า) ปิโตรเคมี และกลุ่มวัสดุก่อสร้างเพราะได้รับผลกระทบโดยตรงจากราคาน้ำมันและวัตถุดิบในตลาดโลกสูงขึ้น หากไม่มีการปรับราคาสินค้าตาม ผู้ประกอบการอาจต้องพิจารณาสินค้านำสินค้าส่งออกแทนการจำหน่ายในประเทศ” ประธาน ส.อ.ท.ยืนยันและว่าขณะนี้ผู้ประกอบการหลายรายที่ได้รับผลกระทบจะทยอยส่งหลักฐานโครงสร้างต้นทุนสินค้ามาให้กรมการค้าภายในพิจารณาเพื่ออนุมัติปรับขึ้นราคาสินค้าในช่วงปีใหม่
ส่วน “ประมนต์ สุธีวงค์” ประธานหอการค้าไทยกล่าวสนับสนุนเพิ่มเติมว่า ต้อมยอมรับว่า ตอนนี้สินค้าในท้องตลาดแทบทุกรายการได้รับผลกระทบแทบทั้งสิ้น แต่ทางภาคเอกชนไม่ได้ขอขึ้นราคาหมดทุกรายการสินค้า ซึ่งได้คุยกับกระทรวงพาณิชย์ไปแล้วว่าหากสินค้าใดมีความจำเป็นจริงๆก็ขอขึ้นก่อนปีใหม่ และหากสินค้าพอจะแบกรับภาวะตรงนี้ไหวก็ค่อยไปขึ้นหลังปีใหม่ตามที่กระทรวงพาณิชย์ขอมา
เชื่อขึ้นราคาสินค้าไม่กระทบศก.อานิสงค์‘เลือกตั้ง-เทศกาลปีใหม่’คนจับจ่ายมากขึ้น
ขณะที่มุมมองต่อการขึ้นราคาสินค้าดังกล่าว “ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย” ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย อธิบายปรากฏการดังกล่าวว่า การขอขึ้นราคาสินค้าในช่วงนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ปรกติเพราะภาคการผลิตตั้งแต่ต้นทุนวัตถุดิบ จนถึงการขนส่งสินค้าจนถึงปลายทางขณะนี้มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นซึ่งทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้าเพื่อให้ได้อยู่ได้และยังสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง แต่ไม่ใช่ว่าผู้ประกอบการจะขึ้นได้ตามความพอใจเพราะคู่แข่งในตลาดสินค้าประเภทนั้นๆยังมีอยู่มากหากขึ้นราคาแพงกว่าคู่แข่งก็จะสูญเสียความสามารถในการแข่งขันไป
นอกจากนี้การขอขึ้นราคาสินค้าในช่วงก่อนหรือหลังปีใหม่ไม่ต่างกันเพราะไม่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศเพราะยังได้รับแรงบวกจากการเลือกตั้งที่คนมีเงินมากขึ้นจะเริ่มจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้บริโภคจะปรับตัวได้เองว่าควรซื้อสินค้าประเภทไหนจึงเชื่อว่าการขึ้นราคาสินค้าไม่มีผลกระทบในระยะสั้นแต่อย่างใด
“ในช่วงปีใหม่คาดว่าประชาชนใช้เงินมากขึ้นทั้งจากเงินโบนัส เงินออมการขึ้นราคาสินค้าจึงไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด” ผอ.ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ระบุ
ส่วนการตัวเลขเงินเฟ้อที่ขึ้นแตะระดับ 2.5 นั้น “ดร.ธนวรรธน์” มองว่าส่วนหนึ่งมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นยังไม่มีผลกระทบต่อกำลังซื้อจากผู้บริโภคแต่ในปีหน้าหากเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นระหว่าง 2.5 -3 อาจในระยะยาวจะมีปัญหาได้
|
|
 |
|
|