เพิ่มทุนแบงก์ทหารไทยฉลุย รมว.คลังปลื้มบอร์ดตัดสินใจเลือกไอเอ็นจีเป็นหุ้นส่วน เผยไม่ต้องทำเทนเดอร์ฯ แม้ถือหุ้นเกิน 25% เพราะเข้าข่ายดีลที่ได้รับการยกเว้นเพราะเป็นทหารไทยเป็นสถาบันการเงินที่ทางการเข้าฟื้นฟู เชื่อดีบีเอสไม่โต้แย้งเพราะให้โอกาสก่อนไอเอ็นจี เผยเงินเพิ่มทุนทะลุเป้าจาก 3.5 หมื่นล้าน เป็น 3.7 หมื่นล้าน ขณะที่ราคาในกระดานหลักทรัพย์บวก 7.59%

จากกรณีที่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ได้บรรลุข้อตกลงกับกลุ่มไอเอ็นจี เนเธอร์แลนด์ ในการเพิ่มทุน ซึ่งเงื่อนไขของการเพิ่มทุนปรากฏว่าไอเอ็นจีได้เพิ่มราคาเสนอซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจาก 1.40 บาท เป็น 1.60 บาท ต่อหุ้น นั้น นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง แสดงความพอใจมติคณะกรรมการธนาคารฯ ที่คัดเลือกกลุ่มไอเอ็นจีเข้าเป็นพันธมิตร ด้วยการเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วน 25.2% จากหุ้นสามัญ 25,000 ล้านหุ้น ซึ่งจัดสรรให้ไอเอ็นจีจำนวน 13,112.6 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.60 บาท ที่เหลือจะจัดสรรให้แก่กระทรวงการคลังและผู้ถือหุ้นเดิมรายอื่น ในราคาหุ้นละ 1.40 บาท การเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้ได้เงินเพิ่มทุนเพิ่มขึ้นจากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 35,000 ล้านบาท เป็น 37,600 ล้านบาท อย่างไรก็ตามไอเอ็นจี จะถือหุ้นสามัญของธนาคารทหารไทย ร้อยละ 25.2 และอีกร้อยละ 4.9 เป็นหุ้นสามัญที่มีสิทธิ์ออกเสียง หรือเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่มีสิทธิ์ออกเสียง (เอ็นวีดีอาร์)

"ธนาคารทหารไทยจะขออนุมัติให้มีการยกเว้นไม่ต้องให้ไอเอ็นจีทำคำเสนอซื้อหุ้น (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) ทั้งหมดของธนาคาร" นายฉลองภพกล่าวและว่า ไอเอ็นจีไม่ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นเป็นการทั่วไป เข้าข่ายความจำเป็นสำหรับการเข้าฟื้นฟูกิจการสถาบันการเงิน จึงได้รับการยกเว้น ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเข้าช่วยเหลือธนาคารทหารไทย เมื่อสมัย 14 สิงหาฯ 2540

นายฉลองภพเชื่อว่า ดีบีเอสสิงคโปร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นหลักในธนาคารทหารไทย จะไม่คัดค้านผลการคัดเลือกพันธมิตรใหม่ เนื่องจากคณะกรรมการพิจารณาโดยยึดประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นหลัก และในการประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 27 พ.ย.นี้ คาดว่าผู้ถือหุ้นจะอนุมัติแผนเพิ่มทุนตามมติคณะกรรมการ และคาดว่าจะสามารถดำเนินการตามแผนได้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2550

ที่ผ่านมาธนาคารได้เจรจาแผนเพิ่มทุนกับทางดีบีเอสมาโดยตลอด และทางดีบีเอสเคยได้รับโอกาสให้เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพิ่มเติมจากสิทธิที่ถือหุ้นอยู่เดิม แต่ได้ถอนตัวไปก่อนที่จะยื่นข้อเสนอมาแข่งขันกับกลุ่มไอเอ็นจีอีกครั้ง

วานนี้ คณะกรรมการธนาคารทหารไทย แจ้งว่า การที่ไอเอ็นจีปรับราคาเสนอซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของธนาคารทหารไทย สืบเนื่องจาก การที่มีข้อเสนอใหม่จากกลุ่มสถาบันการเงินอีกกลุ่มหนึ่งมายังธนาคารเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน เพื่อเข้าร่วมการเพิ่มทุน โดยมีเงื่อนไขที่คล้ายกันกับของไอเอ็นจี อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการธนาคารได้พิจารณาด้วยความรอบคอบแล้วมีความเห็นว่าควรรับข้อเสนอของไอเอ็นจีซึ่งมีประโยชน์แก่ทั้งธนาคารและผู้ถือหุ้นมากกว่าข้อเสนอใหม่ที่เข้ามา

ตามแผนการเพิ่มทุนที่ตกลงกัน ธนาคารทหารไทยจะเพิ่มทุนโดยการออกหุ้นสามัญจำนวน 25,000 ล้านหุ้น โดยจะจัดสรรให้ไอเอ็นจีจำนวน 13,112.6 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.60 บาท และหุ้นส่วนที่เหลือจะจัดสรรให้แก่กระทรวงการคลังและผู้ถือหุ้นเดิมรายอื่น ในราคาหุ้นละ 1.40 บาท โดยที่ไอเอ็นจี จะถือหุ้นสามัญของธนาคารทหารไทย ร้อยละ 25.2 และอีกร้อยละ 4.9 เป็นหุ้นสามัญที่มีสิทธิ์ออกเสียง หรือเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่มีสิทธิ์ออกเสียง (เอ็นวีดีอาร์) ทั้งนี้ ธนาคารทหารไทยจะขออนุมัติให้มีการยกเว้นไม่ต้องให้ไอเอ็นจีทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของธนาคาร คาดว่ากระทรวงการคลังจะเข้าร่วมเพิ่มทุนและจะถือหุ้นธนาคารทหารไทยร้อยละ 26.1 ภายหลังการเพิ่มทุนแล้วเสร็จ

นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการธนาคารทหารไทย กล่าวว่า “ธนาคารทหารไทยยินดีต้อนรับกลุ่มไอเอ็นจีเข้าร่วมการเพิ่มทุน ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนของธนาคาร แต่เราหวังว่า พันธมิตรระหว่างเราจะทำให้สามารถร่วมกันนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ ดีเยี่ยมผ่านช่องทางการขายที่กว้างขวางของธนาคาร”

นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะกรรมการธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า ฝ่ายบริหารของธนาคารทหารไทยจะต้องหารือกับทางธนาคารดีบีเอส สิงคโปร์ ให้เข้าใจถึงการเลือก ไอเอ็นจี กรุ๊ป เป็นพันธมิตรใหม่ของธนาคาร ซึ่งเชื่อว่าดีบีเอสจะเป็นมืออาชีพพอและให้การสนับสนุนในฐานะผู้ถือหุ้นเก่าของธนาคาร แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าทางดีบีเอสจะรักษาสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนหรือไม่ แต่หากดีบีเอสสนใจสามารถซื้อหุ้นได้ในราคา 1.40 บาทต่อหุ้น

"การพิจารณาข้อเสนอเงื่อนไขซื้อหุ้นเพิ่มทุนธนาคารทหารไทย เป็นไปอย่างยุติธรรม โดยให้ทั้ง 2 แห่ง เสนอเงื่อนไขมาภายในเวลา 16.00 น.ของวันที่ 7 พ.ย. หลังจากนั้นจึงมีการพิจารณาตัดสินว่าข้อเสนอของไอเอ็นจีเหมาะสมสำหรับธนาคารและผู้ถือหุ้นมากกว่าข้อเสนอของดีบีเอส ซึ่งทางธนาคารทหารไทยก็ได้แจ้งให้ดีบีเอสทราบแล้วว่าข้อเสนอของดีบีเอสดีน้อยกว่าไอเอ็นจี"

ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้น TMB วานนี้ (8 พ.ย.) ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ปรับตัวลดลง ท่ามกลางแรงซื้อขายที่หนาแน่น โดยมีราคาซื้อขายสูงสุดประจำวันอยู่ที่ 1.72 บาท ต่ำสุด 1.66 บาท ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 1.70 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 0.12 บาท คิดเป็น 7.59% มูลค่าการซื้อขายรวม 271.92 ล้านบาท