ศุภาลัยฯระบุไตรมาส 3 รายได้จากการขายอสังหาฯเท่ากับ 954.79 ล้านบาท ลดลง 12% เหตุในงวดนี้การโอนห้องชุดมีปริมาณไม่มากเท่ากับงวดเดียวกันของปี 49 ขณะที่งวด 9 เดือนแรก รายได้จากการขายอสังหาฯ เท่ากับ 3,650.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เป็นผลโอนห้องชุดมากขึ้น และคุมค่าใช้จ่าย ส่วนภาระหนี้สินคาดไตรมาส 4 ขยับลดลง หลังดึงรายได้จากการขายห้องชุดชำระคืนเงินกู้ระยะยาว เปรยมียอดรอโอนบ้านหรือคอนโดฯในมือเกือบ 9,000 ล้านบาท สามารถรองรับได้ถึงปี 2552
นางวารุณี ลภิธนานุวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานการเงินและบัญชีบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 50 ว่า ไตรมาส 3 บริษัทมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เท่ากับ 954.79 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 125.95 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 12 % เป็นผลมาจากในงวดเดียวกันของปีก่อนมีการโอนกรรมสิทธิ์ของอาคารชุดโครงการหนึ่งเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ในไตรมาสปัจจุบันมีการโอนกรรมสิทธิ์ในอาคารชุดจำนวนไม่มากนัก อัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวมเท่ากับ 12% สูงกว่าปีก่อนที่อยู่ที่ 9% อันเนื่องมาจาก บริษัทย่อยแห่งหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจพัฒนาบ้านพักตากอากาศเพื่อเช่าระยะยาวและโรงแรมที่ภูเก็ต เริ่มเปิดดำเนินงานในปี 2550 นี้
กำไรก่อนภาษีเท่ากับ 249.21 ล้านบาท คิดเป็น 25 % ของรายได้รวม ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อน 302.33 ล้านบาท คิดเป็น 27 % ลดลง 2% เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มสูงขึ้น อัตราภาษีเงินได้คิดเป็น 35% ของกำไรก่อนภาษี(ทางบัญชี) ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 49% เป็นผลต่อเนื่องมาจากการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุด โดยกำไรสุทธิเฉพาะไตรมาส 3 เท่ากับ 153.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.77 ล้านบาทคิดเป็นเพิ่มขึ้น 3% เนื่องมาจากอัตราภาษีเงินได้ที่ลดลง
ขณะที่ในงวด 9 เดือนแรกของปี 50 รายได้รวม 3,770.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปี49 ส่วนรายได้จากการขายอสังฯงวด9 เดือนเท่ากับ 3,650.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 370.25 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 11% เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดโครงการหนึ่งในงวดปัจจุบัน ขณะที่อัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวมเท่ากับ 9% เท่ากับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากบริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้เป็นอย่างดี และกำไรสุทธิเท่ากับ 626.42 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 45.18 ล้านบาทคิดเป็นลดลง 6%
ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ระดับ 1 เท่า เป็น 1.22 เท่า และอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ระดับ 73 % เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 54 % เป็นผลมาจากเมื่อเดือนกันยายนบริษัทฯ ได้มีการออกหุ้นกู้มีหลักประกันจำนวน 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คาดว่าภาระหนี้ในไตรมาส 4 ปี 2550 จะลดลง เนื่องจากจะมีการโอนกรรมสิทธ์อาคารชุดโครงการหนึ่ง ซึ่งจะมีรายได้และนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาว
อนึ่ง ณ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา บริษัท ฯ มียอดสัญญาที่ลูกค้าซื้อบ้านและ/หรือคอนโดฯแล้ว แต่ยังไม่ถึงกำหนดโอนให้ลูกค้าจำนวนสูงถึง 8,932 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้ลูกค้าได้ในอีก 3 เดือนข้างหน้า จำนวน 1,959 ล้านบาท ส่วนที่เหลือสามารถโอนได้ในปีหน้าและปีถัดไป
|