ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ รับฟ้องคดียักษ์ใหญ่แห่งวงการเหล็ก "ทีเอสเอสไอ" ยื่นฟ้องแบงก์กรุงเทพ ฐานผิดสัญญาสินเชื่อในโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเหล็กครบวงจรวงเงินกว่า 3.5 หมื่นล้าน จนไม่สามารถเดินหน้าโครงการได้และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล พร้อมเรียกค่าเสียหายมูลค่ากว่า 8.5 หมื่นล้านบาท ระบุศาลนัดชี้สองสถานในวันที่ 26 พ.ค.ปีหน้า
รายงานข่าวจากศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2550 ที่ผ่านมา บริษัท อุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอสเอสไอ (TSSI) ในฐานะโจทก์ได้ยื่นฟ้องธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ตกเป็นจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ 9412/2550 ในข้อหาที่ธนาคารจำเลยและสถาบันการเงินผู้ให้กู้ร่วมอีกหลายรายผิดสัญญาให้สินเชื่อแก่โครงการของโรงงานผลิตเหล็กแบบครบวงจรของทีเอสเอสไอ จนก่อให้เกิดความเสียหายจำนวนมหาศาล โดยโจทก์เรียกค่าเสียหายจากธนาคารกรุงเทพ รวมทั้งสิ้นจำนวน 85,096,945,044.90 บาท
ล่าสุดศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้มีคำสั่งรับคำฟ้องคดีดังกล่าว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งหมายและสำเนาคำฟ้องให้ธนาคารกรุงเทพในฐานะจำเลย เพื่อให้จำเลยยื่นคำให้การภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด และศาลนัดชี้สองสถานวันที่ 26 ก.ค.2550 เวลา 13.00 น.
สำหรับสาระสำคัญของสำนวนฟ้องบรรยายสรุปว่า ทีเอสเอสไอ เริ่มก่อตั้งบริษัทตั้งแต่ปี 2537 จดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนจำกัดในปี 2538 มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 4,220,000,000 บาท ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีวัตถุประสงค์หลักในการดำเนินกิจการโรงงานผลิตเหล็กครบวงจร (Integrated Steel Mill Complex)
ต่อมา ทีเอสเอสไอ มีแผนการดำเนินงานก่อสร้างโรงงานผลิตเหล็กครบวงจร ซึ่งหลังการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยจะมีกำลังการผลิตเหล็กเกล้าและเหล็กชนิดอื่นๆ ไม่น้อยกว่า 3 ล้านตันต่อปี โดยมีกำหนดการก่อสร้างโรงงานให้แล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการผลิตเหล็กแบบครบวงจรภายในปี 2542
โดยการก่อสร้างโรงงานผลิตเหล็กครบวงจรต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก ทีเอสเอสไอจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์และสถานบันการเงิน ในลักษณะสินเชื่อโครงการของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งบริษัทได้ติดต่อรับการสนับสนุนสินเชื่อกับธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงเทพ ในฐานะผู้จัดการสินเชื่อ (Arranger) แจ้งผลตอบรับเข้าร่วมให้สินเชื่อแก่โจทก์ เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตเหล็กครบวงจรและโจทก์กับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินรวม 9 แห่ง ได้ทำสัญญาให้สินเชื่อลงวันที่ 15 กรกฎาคม 2539
สำหรับรายละเอียดการกู้เงินครั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพและสถาบันการเงินรวม 9 แห่ง ตกลงร่วมกันให้สินเชื่อหลายประเภทตามข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาแก่จำเลยในวงเงินประมาณ 35,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายและเงินทุนหมุนเวียนในโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเหล็กครบวงจร ซื้อเครื่องจักร และอุปกรณ์ต่างๆ และดำเนินการผลิตเหล็กในโครงการของบริษัท ขณะเดียวกันการให้สินเชื่อดังกล่าว ธนาคารกรุงเทพได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนสินเชื่อและตัวแทนหลักประกันด้วย
ในเวลาต่อมา ธนาคารกรุงเทพและสถาบันการเงินผู้ถือหุ้นร่วมไม่ได้ปล่อยสินเชื่อให้แก่ทีเอสเอสไอ ตามสัญญาการให้สินเชื่อเมือ่วันที่ 15 กรกฎาคม 2539 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าครบวงจรตามแผนที่กำหนดไว้ จนก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่บริษัท
|