"โลกของไวน์มีขาว - แดง เขาเปรียบกันไว้ ไวน์ขาวคือหญิงสาว ไวน์แดงนั้นประดุจเพศชาย
หากจะหาความหมายที่ลึกไปกว่านั้น ไวน์เป็นน้ำอมฤตที่พระเยซูเป็นศาสดาของชาวคริสต์
ทรงเลือกใช้ในพิธีกรรมเพื่อระลึกถึงพระองค์ก่อนจะทรงถูกตรึงกางเขนในวันรุ่งขึ้น"
ณ ห้องกัปตันบุช กริล โรงแรมรอยัลออร์คิด เชอราตัน ในยามค่ำคืนแรกเริ่มฤดูหนาว
ฤดูที่เหมาะกับบรรยากาศชื่นมื่นรื่นเริงสุขสันต์
"เราเป็นตระกูลผู้ผลิตไวน์เก่าแก่ของประเทศออสเตรียมีชื่อเสียงและประวัติยาวนานถึง
200 ปี..." เสียงทุ้ม ๆ ของโฆษกกำลังแปลคำกล่าวเปิดตัวไวน์ตระกูล OSBERGER
ของ Mr. Helmut Osberger จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย
งานในวันนี้ บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง เป็นเจ้าภาพในฐานะเป็นผู้นำไวน์ตระกูลนี้เข้ามาจำหน่ายในเมืองไทย
การชิมไวน์เริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ทางบริษัทจัดไว้เฉพาะเจาะจงให้กับนักธุรกิจร้านอาหาร
ส่วนเวลาค่ำ 1 ทุ่มตรง เป็นงานเลี้ยงคอกเทล
คำกล่าวเปิดตัวไม่ยืดเยื้อเกินไปราวกับรู้ใจแขกเหรื่อในงานมีทั้งชาวต่างประเทศ
และชาวไทยมากหน้าแต่คุ้นตากันดี สำหรับผู้ติดตามกรอบข่าวสังคมเป็นประจำ เสียงพูดคุยอื้ออึงมากขึ้น
โดยเฉพาะตามโต๊ะที่ตั้งไวน์ให้ลิ้มรสควบคู่กับอาหารออสเตรียเคล้าด้วยเสียงดนตรีบรรเลงเพลง
Right Here Waiting
"เมื่อก่อนนี้ การนำไวน์เข้ามาไม่ประสบความสำเร็จก็เพราะว่าคนไทยไม่มีความรู้เรื่องไวน์
ชื่อก็ประหลาด เรียกยาก และมีคุณสมบัติต่าง ๆ กัน" วิไลพร ปิติมานะอารี
ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ย้อนอดีตต้นเหตุที่ตลาดไวน์ไม่แพร่หลายในหมู่คนไทยกับ
"ผู้จัดการ"
สำหรับผู้หลงไหลคลั่งไคล้ในรสไวน์ สิ่งแรกที่จำเป็น คือ ต้องออกเสียงเรียกยี่ห้อไวน์หรือพันธุ์องุ่นให้เหมือนกองแนสเซอร์หรอืผู้ชำนาญไวน์เขาพูดกัน
คอไวน์อ่อนหัดทั้งหลายควรอย่ามองข้ามจุดนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการหน้าแตกเวลาสั่งออร์เดอร์ไวน์
หาไม่แล้วอาจเจอกรณีถูกบ๋อยสูทดำสอนสั่งด้วยการทวนชื่อสำเนียงเสียงที่ถูกต้องตอกหน้าให้ทรมานใจหลายวัน
วิไลพร แห่งบุญรอด เทรดดิ้ง ดูเหมือนว่าจะเข้าใจปัญหานี้ดียิ่ง เธอมักออกสำเนียงเสียงชัดเจนเวลาพูดถึงไวน์ตระกูล
OSBERGER ถ้าเป็นภาษาอังกฤษเรียกว่าออสเบอร์เจอร์ และออสแบเกอร์ตามภาษาเยอรมันต้นตำรับ
"กลุ่มลูกค้าไวน์ส่วนใหญ่ มักเป็นชาวต่างชาติ แต่ในระยะหลัง ประมาณ
4-5 ปีที่ผ่านมา คนไทยนิยมดื่มไวน์มากขึ้น เพราะมีผู้จบการศึกษาต่างประเทศจำนวนมาก
และอีกอย่างไลฟ์สไตล์ของคนกรุงเทพฯ ค่อนข้างจะเลียนแบบชาวตะวันตกอยู่แล้ว"
เป็นความเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมของตลาดไวน์ที่วิไลพรบอกกับ "ผู้จัดการ"
ซึ่งทางบริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง คาดการณ์ว่าเหล้านอกที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายประมาณ
10 ยี่ห้อนั้นจะมียอดขาย 70 ล้านบาทในปีนี้ และจะสามารถพัฒนาเป็น 500 ล้านบาทภายใน
5 ปีข้างหน้า
รากฐานทางวัฒนธรรมของไวน์มีความสัมพันธ์กับคนในซีกโลกตะวันตกมาตั้งแต่โบราณกาล
ว่ากันว่าคนตะวันตกกับการดื่มไวน์ เปรียบเสมือนคนไทยดื่มน้ำผลไม้ คือ ดื่มได้ทุกเมื่อทุกเวลา
ไวน์เป็นแอลกอฮอล์ชนิดเดียวที่ผู้ใหญ่ยอมให้เด็กเล็ก ๆ ดื่ม เพราะเชื่อว่าเป็นยาบำรุงสุขภาพ
แต่ก็มิใช่ว่าให้ดื่มเพียว ๆ ที่รินออกจากขวด จะต้องลดความเข้มข้นลงด้วยการผสมน้ำก่อน
ไวน์เป็นเครื่องดื่มสามัญมาตั้งแต่ครั้งอดีตกาล เป็นเครื่องดื่มที่เกิดก่อนเบียร์
กาแฟ หรือชา คนโบราณเรียนรู้การหมักเหล้าไวน์เพื่อประโยชน์ในการถนอมรักษาคุณค่าผลองุ่นซึ่งปลูกกันทั่วยุโรปและตะวันออกกลาง
ศาสตราจารย์ ดร.มอนตี้ มอริส เจ้าคณะ CHRIST CHURCH ประเทศไทย ลาว และกัมพูชา
บอกเล่าอดีตเกือบ 2,000 ปีกับ "ผู้จัดการ" เพื่ออธิบายเหตุผลว่าทำไมพระเยซูทรงเลือกเหล้าองุ่นคู่กับขนมปังในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ครั้งสุดท้ายกับสานุศิษย์
12 คน
ไม่ใช่เพราะไวน์เป็นเครื่องดื่มหายากราคาแพงเพื่อเพิ่มความขลังวิเศษโส แต่ตรงข้ามเพราะไวน์เป็นเครื่องดื่มที่พระองค์และคนรอบข้างคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก
ไวน์ไม่ใช่เครื่องดื่มเฉพาะคนรวย เจ้าของคฤหาสน์เท่านั้น แต่ลูกช่างไม้อย่างเช่นพระองค์ก็มีโอกาสลิ้มรสละมุนของไวน์ได้
อย่างไรก็ตาม มิใช่ว่าไวน์จะเป็นเหล้าที่ไม่มีการแบ่งเกรดเสียทีเดียว ยิ่งถ้ามองในด้านกรรมวิธีด้วยแล้ว
ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีทั้งไวน์รสนุ่มกลมกล่อมหอมหวล และรสฝาดดอมขมอมเปรี้ยว
และอื่น ๆ สุดจะพรรณนา
ในบทความ "คนรักไวน์" เขียนโดย วิศิษฐ ศึกษาการ อธิบายถึงไวน์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกมีสูตรลับสำคัญ
2 ประการ คือ หนึ่ง มีพันธุ์องุ่นดีมีความสมบูรณ์ไม่เป็นโรค และ สอง มีคนปรุงเหล้าดี
ๆ สักคน
ปีของการเก็บเกี่ยวผลองุ่นที่สุกได้ที่ในแต่ละปีเพือ่นำมาหมักเป็นเหล้า
มีความสำคัญยิ่งยวดต่อการผลิต และการกำหนดราคาไวน์ มีศัพท์เรียกกันว่า ปีวินเทจ
(VINTAGE) เช่นเก็บเกี่ยวองุ่นเมื่อปี 1989 เขาก็เรียกว่าวินเทจปี 1989
ถ้าฤดูเก็บเกี่ยวองุ่นปีใดไม่เจอภัยธรรมชาติหรือโรคระบาดฟีร็อคเซร่า ปีวินเทจปีนั้นถือว่าเป็นปีทองสมควรเก็บไว้ประดับขวัญเป็นไวน์คอลเล็คชั่น
อย่างเช่นไวน์แดง ฝรั่งเศสเขตบอร์โดซ์ วินเทจ ปี 1970 ได้ 18 คะแนน ปี 1972
ได้ 13 คะแนน หรือวินเทจ ปี 1980 ได้ 16 คะแนน แต่ปี 1982 ได้ถึง 19 คะแนน
เป็นต้น
ปีวินเทจจะอยู่บนฉลากป้ายขวดไวน์ 2 ตำแหน่ง คือ ที่คอขวดอยู่คู่กับชื่อบริษัทและตรงหน้าอกขวดอยู่ร่วมกับชื่อเขตภูมิศาสตร์พื้นที่ปลูกองุ่นและสถานที่ผลิตเหล้าไวน์
บางขวดจะมีการบอกเกรดให้รู้เสร็จสรรพ โดยเฉพาะหากเป็นปีทอง ปีวินเทจจะเด่นเป็นสง่า
ถ้าตรงข้ามผลองุ่นไม่ดีนัก พ่อค้าไวน์ก็จะไม่ลงปี บางแห่งฉลาดโกงเอาน้ำเหล้าปีเก็บเกี่ยวดีผสมกับปีที่เลว
แล้วก็ระบุปีวินเทจไปด้วยก็มี
ฉะนั้นผู้คิดจะเป็นนักดื่มไวน์ตัวยงจึงจำเป็นต้องรอบรู้และศึกษาระบบการกำกับปีวิเทจของแต่ละปี
แต่ละประเทศเป็นอย่างดี
ไวน์ตระกูล OSBERGER ที่นำเข้าเป็นไวน์ราคาปานกลางเฉลี่ยไม่เกิน 500 บาท
ซึ่งทางบริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง ตั้งใจจะเจาะตลาดผู้ดื่มที่มีความถาวร ไม่ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะโซซัดโซเซไปทางไหน
คนกลุ่มนี้ก็ยังคงรักไวน์ OSBERGER ไม่หลีกลี้หนีหน้าไปดื่มอย่างอื่นที่ถูกสตางค์กว่า
และที่สำคัญจะต้องเป็นผู้ดื่มที่ไม่ติดยึดในยี่ห้อ
"เราอยากให้ผู้ดื่มติดใจในรสไวน์ของเรามากกว่าชื่อเสียง เพราะการดื่มไวน์ถือว่าเป็นศิลปะ
เป็นสิ่งที่เมื่อสัมผัสแล้วก็จะรู้ว่าน่าจะทำ เป็นเครื่องดื่มที่ดื่มแล้วมีคลาสด้วย"
วิไลพร ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ไวน์ OSBERGER บอกเล่าคอนเซ็ปท์การเจาะตลาดให้ฟัง
เป็นที่ยอมรับกันว่า ศาสตร์ว่าด้วยเรื่องไวน์เป็นวิชาการแขนงหนึ่งที่มีการเปิดสอนตามมหาวิทยาลัยมีชื่อของโลก
เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวโยงทั้งทางประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และเกษตรกรรม ตำราที่พิมพ์ขายแต่ละเล่มก็หนามากพอ
ๆ กับพระคัมภีร์ไบเบิลทีเดียว คนที่พอเรียกได้ว่าเป็นคอไวน์ระดับทอง ก็ยังไม่หาญกล้ายืดอกพูดเต็มปากเต็มคำว่ารู้ครบถ้วนกระบวนของไวน์
อาจจะเป็นเพราะเช่นนี้กระมังที่ทำให้เกิดความรู้สึกว่า การดื่มไวน์เป็นกิจกรรมของปัญญาชนผู้มีรสนิยม
!
เมื่อสืบสาวไป อดีตของสังคมยุโรป ศาสตราจารย์ มอนตี้ มอริส ให้ความกระจ่างในฐานะที่ท่านเคยอยู่ในสมาคมไวน์ทั้งในประเทศอังกฤษและออสเตรเลียว่า
ถ้าหากเป็นเมื่อ 15 ปีที่แล้ว การดื่มไวน์เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมของคนชั้นสูง
หรือ "พวกสน้อบ" ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะคนชั้นล่างหรือคนใช้แรงงานนิยมดื่มเบียร์หรือวิสกี้มากกว่าไวน์
แต่มาในระยะหลัง การดื่มไวน์ถือเป็นเรื่องปกติที่คนทุกระดับหาซื้อได้ เพราะไวน์ดีราคาไม่แพงมีให้เลือกมากขึ้น
ส่วนไวน์ประเภทวินเทจปีทองนั้น ถ้าใครมีครอบครองก็มักจะไม่กล้าเปิดดื่มกัน
ได้แต่เก็บไว้บนหิ้งไว้อวดให้คนอิจฉา
แต่ไม่ว่าจะเป็นวินเทจปีเงินหรือปีทองก็ตาม ไวน์ที่หาซื้อได้ในเมืองไทยก็ยังเป็นแอลอฮอล์ระดับราคาค่อนไปทางสูง
เพราะล้วนเป็นไวน์ที่ส่งตรงมาจากต่างประเทศ ไวน์จึงยังเป็นเรื่องของรสนิยมบวกกับเงินในกระเป๋าไปได้อีกนานเท่านาน