ศุภาลัยฯ เร่งผุด4โครงการใหม่ช่วงปลายปี เผย2เดือนสุดท้าย ลงทุนโครงการแนวราบแนวราบ3 โครงการ และคอนโดฯ1 โครงการ รองรับการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯ ยอมรับ ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ตลาดอสังหาฯไม่โต เหตุเจอปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจ ส่งผลให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยต่อเนื่องจากช่วงปลายปี49 ถึงปัจจุบัน หวั่นปีหน้าอัตราเงินเฟ้ออาจทำอสังหาฯป่วนอีกระลอก แจง10เดือนยอดขายรวมกว่า 7,000 ล้านบาท มั่นใจเปิดขายโครงการ “ซิตี้โฮม สี่แยกท่าพระ”ดันยอดขายตามเป้า 8,800 ล้านบาท คาดปี 2551 สัดส่วนการพัฒนาโครงการจะกลับสู่สภาพปกติดแนวราบและแนวสูง สัดส่วน50-50%
นาย อธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี2550 ว่า การขยายตัวของตลาดยังทรงๆตัว ต่อเนื่องจากปี 2549 แม้ว่า อัตราการขยายตัวของที่อยู่อาศัยแนวราบจะมีการเติบโตในอัตราที่ลดลง แต่ในตลาดแนวสูงหรือคอนโดมิเนียมนั้น ยังมีอัตราการขยายตัวที่ดี และเข้ามาทดแทนที่อยู่อาศัยแนวราบที่หดตัวลงไป โดยพิจารณาได้จากในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ลูกค้าที่แวะเวียนเข้าชมโครงการแนวราบมีอัตราการขยายตัวลดลงมาก และเริ่มทยอยฟื้นตัวกลับมาอยู่ในอัตราปกติในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอัตราการเข้าชมโครงการจะกลับเข้ามาอยู่ในภาวะปกติ แต่อัตราการตัดสินใจซื้อของลูกค้ายังชะลอตัว โดยลูกค้าใช้ระยะเวลาในการตัดสินใจซื้อค่อนข้างนานกว่าภาวะตลาดปกติ ส่วนทิศทางตลาดบ้านเดี่ยวในปี2551 คงต้องพิจารณาจากภาวะโดยรวม ทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจด้วย โดยเฉพาะปัจจัยจากการขยับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในช่วงขาลง ในขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น มีผลให้ค่าครองชีพของประชาชนขยับสูงมากขึ้น
“ ปัจจัยข้างต้นจะทำให้เกิดการปรับตัวของเงินเฟ้อสูงขึ้น กำลังซื้อของลูกค้าก็ลดลง และเชื่อว่าผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลง จะทำให้ผู้บริโภคนำเงินออกมาลงทุนด้านอื่นๆ ที่มีผลตอบแทนสูงกว่าอัตราผลตอบแทนจากการฝากแบงก์ และหากจะประเมินผลกระทบจากราคาน้ำมัน จะพบว่า ราคาวัสดุก่อสร้างได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปลายปี 2549 จนมาถึงปัจจุบันไปกว่า 10% ในขณะที่ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้ เนื่องจากภาพรวมของตลาดอสังหาฯยังอยู่ในช่วงของการชะลอตัวอยู่ ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา ผู้ประกอบการในตลาด ยอมแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และมีผลกระทบต่อกำไรขั้นต้นของแต่ละบริษัท "นายอธิปกล่าวถึงสัญญาณของตลาดในปี 2551 ที่อาจจะขยับราคาขายเพิ่มขึ้น และชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ตามตัวเลขล่าสุดในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ระบุอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ระดับ 2.1% ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) เป็นหน่วยงานหลักของธปท.ได้ประเมินราคาน้ำมันดูไบไว้ที่ระดับ 80 เหรียญต่อบาร์เรล สำหรับในไตรมาส 4 ของปีนี้ และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ระดับ 1.8-2.3% และปี 2551 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ระดับ 1.5-2.8% ภายใต้อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจในปี 2550 ที่ระดับ 4.3-4.8% และปีหน้า 4.5-6.0% อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ธปท.กำลังอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด และคาดว่าจะมีการประเมินราคาน้ำมัน สมมติฐานต่างๆ รวมทั้งอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจใหม่ในเดือนมกราคมของปี 2551
นายอธิป กล่าวถึงภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2550 ว่า ยังคงมีอัตราการขยายตัวสูงมาก คาดว่าจะมีสินค้า(ซัพลาย)เข้ามาในตลาดกว่า 20,000 หน่วย ในจำนวนนี้ มีปริมาณการขายออกไปแล้ว 70% ที่เหลืออีก 30% ส่วนใหญ่จะพัฒนาโครงการระดับราคาแพง ทำให้อัตราการระบายออกยังถือว่าอยู่ในระดับปกติ ขณะที่แนวทางการพัฒนาโครงการของบริษัทในช่วงนี้ จะสอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยในปีนี้ สัดส่วนโครงการคอนโดมิเนียมจะเพิ่มเป็น 60% และอีก 40% จะเป็นโครงการแนวราบ แต่ในปี 2551 หากภาพรวมของตลาดอสังหาฯมีแนวโน้มที่ดี คาดว่าโครงสร้างการพัฒนาโครงการแนวราบและคอนโดฯจะมีสัดส่วนเท่าเดิม คือ 50:50%
ทั้งนี้ ในปี 2550 บริษัทมีเปิดโครงการใหม่รวม 8 โครงการ โดยในช่วง 10เดือนที่ผ่านมา เปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 4 โครงการ ล่าสุดคือโครงการ “ ซิตี้โฮม สี่แยกท่าพระ” มูลค่าโครงการรวม 1,200 ล้านบาท อาคารสูง 23ชั้น จำนวน1อาคาร บนเนื้อที่การพัฒนาโครงการ 3 ไร่เศษ ราคาเริมต้น 1.1 ล้านบาท จำนวน 610 หน่วย มียอดขายแล้ว 30%
ส่วนในช่วงปลายปีนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 4 โครงการมูลค่ารวม กว่า 6,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการคอนโดฯย่านพระราม 3 เลียบถนนนราธิวาส – สาทร พัฒนาภายใต้แบรนด์ “พรีเมี่ย” ส่วนอีก3โครงการจะพัฒนาในรูปแบบโครงการแนวราบ ประกอบด้วยโครงการทาวน์เฮาส์3ชั้น ใกล้กระทรวงสาธารณะสุข เลียบถนนติวานนท์-งามวงศ์วาน โครงการบ้านเดี่ยว และโครงการทาวน์เฮาส์และบ้านแฝดพระรามที่ 5 ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ ได้ตั้งเป้ายอดขายรวมประมาณ 8,800ล้านบาท โดย10เดือนแรกมียอดขายประมาณ 7,000 ล้านบาท คาดว่าหลังจากปิดการขายในโครงการ “ซิตี้โฮม สี่แยกท่าพระ” แล้ว ทางบริษัทจะเปิดการขายในเฟสที่2ของโครงการคอนโดมิเนียม รัชดา-ปิ่นเกล้า ซึ่งจะทำให้ในปีนี้บริษัทมียอดขายที่ไม่ต่ำกว่าเป้าประมาณการที่วางไว้อย่างแน่นอน
|