Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน6 พฤศจิกายน 2550
ศุภาลัยฯชี้น้ำมันดันเงินเฟ้อพุ่งหวั่นกระทบกำลังซื้อบ้านปี'51             
 


   
www resources

โฮมเพจ ศุภาลัย

   
search resources

ศุภาลัย, บมจ.
อธิป พีชานนท์
Real Estate




ศุภาลัยฯ เร่งผุด4โครงการใหม่ช่วงปลายปี เผย2เดือนสุดท้าย ลงทุนโครงการแนวราบแนวราบ3 โครงการ และคอนโดฯ1 โครงการ รองรับการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯ ยอมรับ ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ตลาดอสังหาฯไม่โต เหตุเจอปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจ ส่งผลให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยต่อเนื่องจากช่วงปลายปี49 ถึงปัจจุบัน หวั่นปีหน้าอัตราเงินเฟ้ออาจทำอสังหาฯป่วนอีกระลอก แจง10เดือนยอดขายรวมกว่า 7,000 ล้านบาท มั่นใจเปิดขายโครงการ “ซิตี้โฮม สี่แยกท่าพระ”ดันยอดขายตามเป้า 8,800 ล้านบาท คาดปี 2551 สัดส่วนการพัฒนาโครงการจะกลับสู่สภาพปกติดแนวราบและแนวสูง สัดส่วน50-50%

นาย อธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี2550 ว่า การขยายตัวของตลาดยังทรงๆตัว ต่อเนื่องจากปี 2549 แม้ว่า อัตราการขยายตัวของที่อยู่อาศัยแนวราบจะมีการเติบโตในอัตราที่ลดลง แต่ในตลาดแนวสูงหรือคอนโดมิเนียมนั้น ยังมีอัตราการขยายตัวที่ดี และเข้ามาทดแทนที่อยู่อาศัยแนวราบที่หดตัวลงไป โดยพิจารณาได้จากในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ลูกค้าที่แวะเวียนเข้าชมโครงการแนวราบมีอัตราการขยายตัวลดลงมาก และเริ่มทยอยฟื้นตัวกลับมาอยู่ในอัตราปกติในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอัตราการเข้าชมโครงการจะกลับเข้ามาอยู่ในภาวะปกติ แต่อัตราการตัดสินใจซื้อของลูกค้ายังชะลอตัว โดยลูกค้าใช้ระยะเวลาในการตัดสินใจซื้อค่อนข้างนานกว่าภาวะตลาดปกติ ส่วนทิศทางตลาดบ้านเดี่ยวในปี2551 คงต้องพิจารณาจากภาวะโดยรวม ทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจด้วย โดยเฉพาะปัจจัยจากการขยับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในช่วงขาลง ในขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น มีผลให้ค่าครองชีพของประชาชนขยับสูงมากขึ้น

“ ปัจจัยข้างต้นจะทำให้เกิดการปรับตัวของเงินเฟ้อสูงขึ้น กำลังซื้อของลูกค้าก็ลดลง และเชื่อว่าผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลง จะทำให้ผู้บริโภคนำเงินออกมาลงทุนด้านอื่นๆ ที่มีผลตอบแทนสูงกว่าอัตราผลตอบแทนจากการฝากแบงก์ และหากจะประเมินผลกระทบจากราคาน้ำมัน จะพบว่า ราคาวัสดุก่อสร้างได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปลายปี 2549 จนมาถึงปัจจุบันไปกว่า 10% ในขณะที่ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้ เนื่องจากภาพรวมของตลาดอสังหาฯยังอยู่ในช่วงของการชะลอตัวอยู่ ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา ผู้ประกอบการในตลาด ยอมแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และมีผลกระทบต่อกำไรขั้นต้นของแต่ละบริษัท "นายอธิปกล่าวถึงสัญญาณของตลาดในปี 2551 ที่อาจจะขยับราคาขายเพิ่มขึ้น และชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ตามตัวเลขล่าสุดในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ระบุอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ระดับ 2.1% ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) เป็นหน่วยงานหลักของธปท.ได้ประเมินราคาน้ำมันดูไบไว้ที่ระดับ 80 เหรียญต่อบาร์เรล สำหรับในไตรมาส 4 ของปีนี้ และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ระดับ 1.8-2.3% และปี 2551 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ระดับ 1.5-2.8% ภายใต้อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจในปี 2550 ที่ระดับ 4.3-4.8% และปีหน้า 4.5-6.0% อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ธปท.กำลังอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด และคาดว่าจะมีการประเมินราคาน้ำมัน สมมติฐานต่างๆ รวมทั้งอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจใหม่ในเดือนมกราคมของปี 2551

นายอธิป กล่าวถึงภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2550 ว่า ยังคงมีอัตราการขยายตัวสูงมาก คาดว่าจะมีสินค้า(ซัพลาย)เข้ามาในตลาดกว่า 20,000 หน่วย ในจำนวนนี้ มีปริมาณการขายออกไปแล้ว 70% ที่เหลืออีก 30% ส่วนใหญ่จะพัฒนาโครงการระดับราคาแพง ทำให้อัตราการระบายออกยังถือว่าอยู่ในระดับปกติ ขณะที่แนวทางการพัฒนาโครงการของบริษัทในช่วงนี้ จะสอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยในปีนี้ สัดส่วนโครงการคอนโดมิเนียมจะเพิ่มเป็น 60% และอีก 40% จะเป็นโครงการแนวราบ แต่ในปี 2551 หากภาพรวมของตลาดอสังหาฯมีแนวโน้มที่ดี คาดว่าโครงสร้างการพัฒนาโครงการแนวราบและคอนโดฯจะมีสัดส่วนเท่าเดิม คือ 50:50%

ทั้งนี้ ในปี 2550 บริษัทมีเปิดโครงการใหม่รวม 8 โครงการ โดยในช่วง 10เดือนที่ผ่านมา เปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 4 โครงการ ล่าสุดคือโครงการ “ ซิตี้โฮม สี่แยกท่าพระ” มูลค่าโครงการรวม 1,200 ล้านบาท อาคารสูง 23ชั้น จำนวน1อาคาร บนเนื้อที่การพัฒนาโครงการ 3 ไร่เศษ ราคาเริมต้น 1.1 ล้านบาท จำนวน 610 หน่วย มียอดขายแล้ว 30%

ส่วนในช่วงปลายปีนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 4 โครงการมูลค่ารวม กว่า 6,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการคอนโดฯย่านพระราม 3 เลียบถนนนราธิวาส – สาทร พัฒนาภายใต้แบรนด์ “พรีเมี่ย” ส่วนอีก3โครงการจะพัฒนาในรูปแบบโครงการแนวราบ ประกอบด้วยโครงการทาวน์เฮาส์3ชั้น ใกล้กระทรวงสาธารณะสุข เลียบถนนติวานนท์-งามวงศ์วาน โครงการบ้านเดี่ยว และโครงการทาวน์เฮาส์และบ้านแฝดพระรามที่ 5 ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ ได้ตั้งเป้ายอดขายรวมประมาณ 8,800ล้านบาท โดย10เดือนแรกมียอดขายประมาณ 7,000 ล้านบาท คาดว่าหลังจากปิดการขายในโครงการ “ซิตี้โฮม สี่แยกท่าพระ” แล้ว ทางบริษัทจะเปิดการขายในเฟสที่2ของโครงการคอนโดมิเนียม รัชดา-ปิ่นเกล้า ซึ่งจะทำให้ในปีนี้บริษัทมียอดขายที่ไม่ต่ำกว่าเป้าประมาณการที่วางไว้อย่างแน่นอน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us